การอิอฺติกาฟ (⮫)


การอิอฺติกาฟ

﴿الاعتكاف﴾

] ไทย – Thai – تايلاندي [

มุหัมมัด บิน อิบรอฮีม อัตตุวัยญิรีย์

แปลโดย : ฟัยซอล อับดุลฮาดี

ผู้ตรวจทาน : ซุฟอัม อุษมาน

ที่มา : หนังสือมุคตะศ็อร อัลฟิกฮิล อิสลามีย์

2010 - 1431

﴿الاعتكاف﴾

« باللغة التايلاندية »

الشيخ محمد بن إبراهيم التويجري

ترجمة: فيصل عبدالهادي

مراجعة: صافي عثمان

المصدر: كتاب مختصر الفقه الإسلامي

2010 - 1431

ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ปรานียิ่งเสมอ

การอิอฺติกาฟ

การอิอฺติกาฟคือ การพำนักอยู่ในมัสญิดเพื่อเคารพภักดีต่ออัลลอฮฺด้วยวิธีการที่เฉพาะ ทั้งผู้ชายและผู้หญิง

ความเข้าใจของการอิอฺติกาฟ

การอิอฺติกาฟคือ การกักตัวเองเพื่ออิบาดะฮฺต่ออัลลอฮฺ ตัดขาดความสัมพันธ์กับมนุษย์ และปล่อยใจให้ว่างจากทุกสิ่งที่ทำให้หันเหออกจากการรำลึกถึงอัลลอฮฺ

หุก่มของการอิอฺติกาฟ

การอิอฺติกาฟเป็นสุนัตที่สามารถปฏิบัติได้ในทุกช่วงเวลา และถือว่าใช้ได้โดยไม่ต้องถือศีลอด การอิอฺติกาฟถือเป็นวาญิบหากมีการบนบาน ส่วนการอิอฺติกาฟในเดือนเราะมะฎอนนั้นถือเป็นสุนัต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสิบวันสุดท้ายของเดือนเราะมะฎอน ทั้งนี้ก็เพื่อแสวงหาคืน "อัล-ก็อดฺรฺ"

การอิอฺติกาฟในมัสญิดหะรอม มัสญิดนะบะวีย์ และมัสญิดอัล-อักศอ ประเสริฐกว่าการอิอฺติกาฟในมัสญิดอื่นๆ

หากเขาบนบานว่าจะอิอฺติกาฟในมัสญิดที่มีความประเสริฐมากกว่า ไม่อนุญาตให้เขาไปอิอฺติกาฟในมัสญิดที่มีความประเสริฐน้อยกว่า แต่ถ้าหากเขาบนบานว่าจะอิอฺติกาฟในมัสญิดที่มีความประเสริฐน้อยกว่า อนุญาตให้เขาอิอฺติกาฟในมัสญิดที่มีความประเสริฐมากกว่าได้

เงื่อนไขของการอิอฺติกาฟ

เงื่อนไขของการอิอฺติกาฟคือ เป็นมุสลิม ตั้งเจตนาเพื่ออิอฺติกาฟ มัสญิดที่จะอิอฺติกาฟต้องเป็นมัสญิดที่มีการละหมาดญะมาอะฮฺ และหากอิอฺติกาฟพร้อมๆ กับการถือศีลอดย่อมประเสริฐกว่า

หุก่มของการอิอฺกาฟสำหรับสตรีที่มัสญิด

เป็นที่บัญญัติให้ผู้หญิงทำการอิอฺติกาฟได้เสมือนกับผู้ชาย ถึงแม้ว่านางจะสะอาดจากประจำเดือน หรือมีประจำเดือน หรือมีเลือดเสีย (อิสติหาเฎาะฮฺ) ก็ตาม แต่นางต้องระวังอย่าให้มัสญิดเลอะเปรอะเปื้อน

เงื่อนไขสำหรับผู้หญิงที่จะทำการอิอฺติกาฟคือ ผู้ปกครองให้การอนุญาต และการอิอฺติกาฟของนางนั้นไม่ก่อให้เกิดฟิตนะฮฺกับตัวนางและคนอื่น ๆ และผู้ชายจำเป็นที่จะต้องออกห่างจากสถานที่อิอฺติกาฟที่เตรียมไว้เฉพาะสำหรับนาง

มัสญิดที่ประเสริฐที่สุดคือ

1. มัสญิดหะรอม การละหมาดในมัสญิดหะรอมมีความประเสริฐกว่าการละหมาดในมัสญิดอื่น ๆ ถึงหนึ่งแสนเท่า

2. มัสญิดนบี การละหมาดในมัสญิดนบีมีความประเสริฐกว่าการละหมาดในมัสญิดอื่น ๆ หนึ่งพันเท่า

3. มัสญิดอัล-อักศอ การละหมาดในมัสญิดอัล-อักศอมีความประเสริฐกว่าการละหมาดในมัสญิดอื่น ๆ สองร้อยห้าสิบเท่า

หุก่มของการบนบานว่าจะอิอฺติกาฟ

ใครก็ตามที่บนบานว่าจะละหมาดหรืออิอฺติกาฟในมัสญิดหนึ่งมัสญิดใดในสามมัสญิดนั้น จำเป็นที่เขาจะต้องทำตามที่ได้บนบานไว้ดังที่ได้กล่าวข้างต้น

และหากบนบานว่าจะละหมาดหรืออิอฺติกาฟในที่อื่นนอกจากสามมัสญิดนั้น ไม่จำเป็นที่เขาจะต้องปฏิบัติตามที่ได้บนบาน นอกจากจะมีคุณลักษณะพิเศษทางบทบัญญัติ ดังนั้นกรณีนี้จึงอนุญาตให้เขาละหมาดหรืออิอฺติกาฟในมัสญิดใดทดแทนได้

เวลาเริ่มเข้าและสิ้นสุดอิอฺติกาฟ

1. ใครก็ตามที่บนบานว่าจะอิอฺติกาฟในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ ให้เขาเข้าอิอฺติกาฟก่อนคืนของวันนั้น ๆ นั่นคือก่อนตะวันตกดิน และให้ออกจากอิอฺติกาฟหลังจากตะวันตกดินของวันสุดท้ายที่เขาได้บนบาน เช่นการที่เขาบนบานว่า จำเป็นสำหรับฉันที่จะต้องอิอฺติกาฟหนึ่งอาทิตย์ในเดือนเราะมะฎอน เป็นต้น

2. เมื่อมุสลิมคนหนึ่งมีความประสงค์จะอิอฺติกาฟในช่วงสิบวันสุดท้ายของเดือนเราะมะฎอน ให้เขาเข้าอิอฺติกาฟก่อนตะวันตกดินของคืนวันที่ 21 และให้ออกจากอิอฺติกาฟหลังจากตะวันตกดินไปแล้วของวันสุดท้ายในเดือนเราะมะฎอน

ข้อปฏิบัติของผู้ที่อิอฺติกาฟ

1. ส่งเสริมให้ผู้ที่อิอฺติกาฟหมกมุ่นและมุมานะกับการปฏิบัติศาสนกิจต่าง ๆ เช่น อ่านคัมภีร์อัลกุรอาน รำลึกถึงอัลลอฮฺ ดุอาอ์ ขออภัยโทษ ละหมาดสุนัตต่าง ๆ ละหมาดตะฮัจญุด หลีกเลี่ยงสิ่งที่ไร้สาระไม่ว่าคำพูดหรือการกระทำ

2. อนุญาตให้ผู้ที่อิอฺติกาฟออกจากมัสญิดที่พำนักอยู่เพื่อถ่ายทุกข์ อาบน้ำละหมาด ละหมาดวันศุกร์ กิน ดื่ม และอื่นๆ เช่น เยี่ยมคนป่วย หรือเดินตามญะนาซะฮฺ (ศพ) ของผู้ที่มีพระคุณหรือมีสิทธิต่อเขา เช่นพ่อแม่ ญาติใกล้ชิด เป็นต้น

3. อนุญาตให้สตรีเยี่ยมสามีของนางที่อิอฺติกาฟอยู่ และอนุญาตให้พูดคุยกับเขาได้ และผู้ที่เป็นสมาชิกในครอบครัวหรือเพื่อนพ้องก็อนุญาติเช่นเดียวกัน

ช่วงเวลาที่ประเสริฐที่สุดเพื่อทำการอิอฺติกาฟ

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการอิอฺติกาฟคือ สิบวันสุดท้ายของเดือนเราะมะฎอน และหากมีการยกเลิกอิอฺติกาฟสิบวันสุดท้ายหรือยกเลิกบางส่วน ถือว่าไม่เป็นไร นอกจากจะเป็นการอิอฺติกาฟที่บนบานไว้

ส่งเสริมให้ทำการอิอฺติกาฟช่วงสิบวันสุดท้ายของเดือนเราะมะฎอนไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงก็ตาม

จากท่านหญิงอาอิชะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺอันฮา เล่าว่า:

أَنَّ النَّبِيَّ ﷺ كاَنَ يَعْتَكِفُ العَشْرَ الأَوَاخِرَ مِنْ رَمَضَانَ حَتَّى تَوَفَّاهُ اللهُ تَعَالَى ، ثُمَّ اعْتَكَفَ أَزْوَاجُهُ مِنْ بَعْدِهِ

ความว่า: ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้อิอฺติกาฟช่วงสิบวันสุดท้ายของเดือนเราะมะฎอนจนกระทั่งอัลลอฮฺได้เอาชีวิตท่านไป หลังจากนั้นบรรดาภรรยาของท่านก็ได้อิอฺติกาฟหลังจากท่านต่อ (บันทึกโดยอัล-บุคอรีย์ เลขที่: 2026 และมุสลิม เลขที่: 1172)

สิ่งที่ทำให้การอิอฺติกาฟเสีย

สิ่งที่ทำให้การอิอฺติกาฟเสียคือ การออกจากมัสญิดโดยไม่มีเหตุจำเป็น การร่วมหลับนอนกับภรรยา การตกเป็นมุรฺตัด และการเกิดอาการเมา

การนอนในมัสญิดในบางครั้งสำหรับผู้ที่มีเหตุจำเป็น เช่นคนเดินทาง คนยากจนที่ไม่มีที่พำนัก ถือว่าอนุญาต ส่วนการยึดเอามัสญิดเป็นที่หลับนอนเลย ถือว่าไม่อนุญาตนอกจากผู้ที่ทำการอิอฺติกาฟ และอื่น ๆ เช่นเดียวกันนี้

ระยะเวลาของการอิอฺติกาฟ

อนุญาตให้ทำการอิอฺติกาฟไม่ว่าในช่วงเวลาและระยะเวลานานเท่าไรก็ตาม ไม่ว่าจะหนึ่งคืน หรือหนึ่งวัน หรือหลาย ๆ วัน.

1. จากท่านอุมัรฺ อิบนุ อัล-ค็อฏฏอบ เราะฎิยัลลอฮฺอันฮุ ท่านได้กล่าวว่า:

يَارَسُوْلَ اللهِ ، إِنِّيْ نَذَرْتُ فِيْ الجَاهِلِيَّةِ أَنْ أَعْتَكِفَ لَيْلَةً فِيْ المَسْجِدِ الحَرَامِ ، فَقَالَ لَهُ النَّبِيِّ ﷺ : «أَوْفِ نَذْرَكَ» فَاعْتَكَفَ لَيْلَةً

ความว่า: โอ้ท่านเราะสูลุลลอฮฺ แท้จริงฉันได้บนบานในสมัยญาฮิลียะฮฺว่า ฉันจะอิอฺติกาฟคืนหนึ่งในมัสญิดหะรอม แล้วท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ก็ได้กล่าวแก่ท่านอุมัรฺว่า "ท่านจงทำให้สิ่งที่ท่านบนบานสมบูรณ์เถิด" แล้วเขาก็ได้อิอฺติกาฟหนึ่งคืน. (บันทึกโดยอัล-บุคอรีย์ เลขที่: 2042 และสำนวนหะดีษเป็นของท่าน และบันทึกโดยมุสลิม เลขที่: 1656 ในภาคการศรัทธา)

2. จากท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺอันฮุ เล่าว่า:

كَانَ النَّبِيُّ ﷺ يَعْتَكِفُ فِيْ كُلِّ رَمَضَانَ عَشْرَةَ أَيَّامٍ ، فَلَمَّا كَانَ العَامُ الَّذِيْ قُبِضَ فِيْهِ اعْتَكَفَ عِشْرِيْنَ يَوْماً

ความว่า: ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้อิอฺติกาฟ ทุกๆ เดือนเราะมะฎอนเป็นเวลา 10 วัน แต่เมื่อครั้นปีที่ท่านได้เสียชีวิต ท่านได้อิอฺติกาฟ 20 วัน. (บันทึกโดยอัล-บุคอรีย์ เลขที่: 2044)