﴿صفات الحجاب الصحيح﴾
] ไทย – Thai – تايلاندي [
มุหัมมัด ศอลิห์ อัลมุนัจญิด
แปลโดย : บะนาตุลฮุดา
ผู้ตรวจทาน : ทีมงานอิสลามเฮ้าส์
2009 - 1430
﴿صفات الحجاب الصحيح﴾
« باللغة التايلاندية »
محمد صالح المنجد
ترجمة: فريق موقع بنات الهدى
مراجعة: الفريق التايلاندي بموقع دار الإسلام
2009 - 1430
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ปรานียิ่งเสมอ
คำถาม:
ฉันอยากทราบเกี่ยวกับหิญาบที่ถูกต้อง อะไรคือหิญาบที่สมบูรณ์ ที่พบเห็นในปัจจุบันมีหิญาบหลายแบบ และฉันมีเพื่อนจากเดนมาร์กซึ่งเพิ่งเข้ารับอิสลามไม่นาน เธอรู้สึกภาคภูมิใจในอิสลามเป็นอย่างมากและอยากคลุมหิญาบที่สมบูรณ์ الحمد لله ท่านจะกรุณาบอกได้ไหมว่าหิญาบนั้นควรต้องจะยาว (เหมือนญิลบาบ) หรือไม่ เธอต้องการทราบจริงๆ ขอบคุณค่ะ
คำตอบ:
มวลการสรรเสริญเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮฺ
ชัยคฺ อัลอัลบานี ขออัลลอฮฺทรงเมตตาท่าน ได้กล่าวถึงเงื่อนไขของหิญาบ ดังนี้
อัลลอฮฺตรัสไว้ว่า
(يَا أَيُّهَا النَّبِيُّ قُل لِّأَزْوَاجِكَ وَبَنَاتِكَ وَنِسَاء الْمُؤْمِنِينَ يُدْنِينَ عَلَيْهِنَّ مِن جَلَابِيبِهِنَّ ذَلِكَ أَدْنَى أَن يُعْرَفْنَ فَلَا يُؤْذَيْنَ وَكَانَ اللهُ غَفُوراً رَّحِيماً) (الأحزاب : 59 )
ความว่า “โอ้นบีเอ๋ย จงกล่าวแก่บรรดาภริยาของเจ้าและบุตรสาวของเจ้า และบรรดาหญิงของบรรดาผู้ศรัทธา ให้พวกนางดึงเสื้อคลุมของพวกนางลงมาปิดตัวของพวกนาง นั่นเป็นการเหมาะสมกว่าที่นางจะเป็นที่รู้จัก เพื่อที่พวกนางจะไม่ถูกรบกวน และอัลลอฮฺทรงเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ” [อัลอะหฺซาบ 33:59]
อายะฮฺนี้เป็นที่ชัดเจนว่ามุสลิมะฮฺจำเป็นต้องปกปิดความสวยงามและการประดับประดาทั้งหมด และไม่เปิดเผยส่วนใดส่วนหนึ่งต่อหน้าชายที่ไม่ใช่มะหฺร็อม (ผู้ที่ศาสนาอนุญาตให้แต่งงานด้วยได้) ยกเว้นส่วนที่เปิดเผยอย่างไม่ตั้งใจ ซึ่งในกรณีนี้ไม่มีบาปใดๆ หากนางรีบปกปิดมันเสีย
อัลหาฟิซ อิบนุ กะษีร กล่าวในตัฟซีรของท่านว่า ตรงนี้หมายความว่า พวกนางต้องไม่เปิดเผยส่วนใดส่วนหนึ่งของเครื่องประดับต่อหน้าคนที่ไม่ใช่มะหฺร็อม ยกเว้นส่วนที่ไม่สามารถปกปิดได้ อิบนิมัสอูดกล่าวว่า เช่น เสื้อคลุมข้างนอกซึ่งสตรีอาหรับใช้สวมใส่ ซึ่งปกปิดเสื้อผ้าที่อยู่ข้างใน ยกเว้นส่วนที่อาจเกินออกมา (เช่น ชายกระโปรงข้างใน - ผู้แปล) ในส่วนนี้ไม่เป็นบาปแก่นางเพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะปกปิด
อัลลอฮฺตรัสไว้ความว่า “... และอย่าเปิดเผยเครื่องประดับของพวกนาง” [อันนูร 24:31] ความหมายโดยทั่วไปของประโยคนี้จะรวมถึงเครื่องแต่งกายภายนอก เพราะหากมันถูกประดับตกแต่งก็จะทำให้ดึงดูดความสนใจของเพศตรงข้าม เรื่องนี้สอดคล้องกับอายะฮฺในซูเราะฮฺอัลอะหฺซาบที่ว่า “และพวกเธอจงเก็บตัวอยู่ในบ้าน และอย่าได้โอ้อวดความงามเช่นการโอ้อวดของพวกสตรีแห่งสมัยญาฮิลียะฮฺในยุคก่อน” [อัลอะหฺซาบ 33:33] และมีหะดีษที่ท่านนบี กล่าวว่า “มีคนสามกลุ่มที่ท่านอย่าได้ถามถึง (เพราะพวกเขาเป็นคนล้มเหลวและต้องถูกลงโทษ) คือ ชายคนหนึ่งที่ปลีกตัวออกจากกลุ่ม ไม่เชื่อฟังผู้นำ และตายในสภาพนั้น ทาสชายหรือหญิงที่ตายขณะกำลังหลบหนีเจ้านาย และหญิงที่เมื่อสามีของนางไม่อยู่บ้าน นางก็แต่งตัวเสริมสวยอวดความงามลับหลังเขา ทั้งๆ ที่สามีของนางนั้นเป็นคนดีซึ่งมอบวัตถุปัจจัยที่พอเพียงแก่นางแล้ว ท่านจงอย่าได้ถามถึงพวกนี้ ” (บันทึกโดย อัลหากิม, 1/119; อะหมัด, 6/19; จากหะดีษของฟัดดาละฮฺ บินตุ อุบัยดฺ ซึ่งมีสายรายงานเศาะฮีหฺ และอยู่ใน อัลอะดับ อัลมุฟรอด)
เพราะเครื่องแต่งกายที่บางย่อมไม่สามารถปกปิดได้อย่างสมบูรณ์ และเสื้อบางทำให้ผู้หญิงดูสวยและดึงดูดใจ เกี่ยวกับเรื่องนี้ท่านนบี กล่าวว่า “ในช่วงสุดท้ายของยุคประชาชาติฉัน จะมีผู้หญิงที่สวมใส่เสื้อผ้าแต่เปลือยกาย มีบางสิ่งบนศีรษะของนางคล้ายกับโหนกอูฐ จงสาปแช่งพวกนาง เพราะพวกนางถูกสาปแช่ง” อีกหะดีษหนึ่งมีสำนวนเพิ่มเติมว่า “พวกนางจะไม่ได้เข้าสวรรค์และไม่ได้กลิ่นหอมของสวรรค์ ซึ่งกลิ่นหอมของมันจะสูดดมได้จากระยะเท่านั้นเท่านี้” (บันทึกโดยมุสลิม รายงานจากอบูฮุร็อยเราะฮฺ)
อิบนุอับดิลบัร กล่าวว่า ที่ท่านนบี กล่าวถึงคือผู้หญิงที่สวมเสื้อผ้าบางซึ่งสามารถมองเห็นเรือนร่างได้ พวกนางถูกเรียกว่าสวมเสื้อผ้าแต่ในความเป็นจริงกำลังเปลือยกาย (อ้างถึงโดย อัสสุยูฏี ใน ตันวีร อัลหะวาลิก, 3/103)
เป้าหมายของเครื่องแต่งกายนั้นคือการป้องกันฟิตนะฮฺ ซึ่งจะเกิดได้ก็ต่อเมื่อเครื่องแต่งกายนั้นกว้างและหลวม เสื้อผ้ารัดรูป ถึงแม้จะปกปิดสีผิว แต่ก็ยังบ่งบอกขนาดและรูปร่างทั้งหมดหรือบางส่วน และก่อให้เกิดจินตนาการไม่ดีในใจของผู้ชาย มันเป็นการเรียกร้องเชิญชวนสู่ความชั่วอย่างชัดเจน ดังนั้นเครื่องแต่งกายที่สวมใส่ต้องหลวม
อุซามะฮฺ อิบนุ ซัยดฺ กล่าวว่า ท่านร่อซูลุลลอฮฺ ได้มอบเสื้ออียิปต์ผ้าหนาให้แก่ฉัน มันเป็นหนึ่งในฮะดียะฮฺ(ของขวัญ)จากดิหฺยะฮฺ อัลกัลบี และฉันได้มอบให้ภรรยาสวมใส่ ท่านถามฉันว่า "เหตุใดเจ้าไม่ใส่ผ้าอียิปต์นั้น?" ฉันตอบว่า "ฉันได้มอบให้ภรรยาของฉันแล้ว" ท่านกล่าวว่า “จงบอกนางให้สวมชุดข้างใน เพราะฉันเกรงว่าสะท้อนให้เห็นเรือนร่างของนาง” (บันทึกโดย อัฎฎิยาอ์ อัลมักดิซี ใน อัลอะหาดีษ อัลมุคตาเราะฮฺ, 1/442, และอะหมัดและอัลบัยฮะกี, ด้วยสายรายงานหะซัน)
มีหลายหะดีษที่ห้ามผู้หญิงปะพรมของหอมเมื่อออกนอกบ้าน (แต่ถ้าอยู่ในบ้านกับมะหฺร็อมก็อนุญาตให้ใช้น้ำหอมได้) ในที่นี้จะขอยกบางหะดีษซึ่งมีสายรายงานเศาะฮีหฺ
อบูมูซา อัลอัชอะรี กล่าวว่า ท่านร่อซูลุลลอฮฺ กล่าวว่า “ผู้หญิงคนใดก็ตามที่ปะพรมน้ำหอมแล้วเดินผ่านผู้คนเพื่อให้พวกเขาได้ดมกลิ่นหอมของนาง ถือว่านางได้ทำซินา”
ซัยนับ อัษษะเกาะฟียะฮฺ รายงานว่า ท่านนบี กล่าวว่า “หากคนหนึ่งคนใดจากพวกท่าน (ผู้หญิง) จะออกไปยังมัสญิด นางจงอย่าใส่ของหอม”
อบูฮุร็อยเราะฮฺ กล่าวว่า ท่านร่อซูลุลลอฮฺ กล่าวว่า “ผู้หญิงคนใดที่ปะพรมเรือนร่างด้วยบะคูร (ควันหอม) จงอย่าให้นางมาร่วมละหมาดอิชาอ์กับเราในเวลาดึก(คืออย่าให้นางออกนอกบ้านมาละหมาดที่มัสญิด)”
มูซา อิบนุ ยะซาร กล่าวว่า ผู้หญิงคนหนึ่งได้เดินผ่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ และเขาได้กลิ่นหอมจากตัวนาง เขากล่าวว่า “โอ้สตรีผู้เป็นบ่าวของอัลลอฮฺผู้เกรียงไกร เธอกำลังจะไปที่มัสญิดใช่ไหม” นางตอบว่า “ใช่” เขากล่าวว่า “และเธอได้ปะพรมเครื่องหอมเพื่อการนี้ใช่ไหม” นางตอบว่า “ใช่” เขากล่าวว่า “จงกลับไปล้างมันเสีย เพราะฉันได้ยินท่านร่อซูลุลลอฮฺ กล่าวว่า “หากผู้หญิงออกไปมัสญิดโดยปะพรมเครื่องหอม อัลลอฮฺจะไม่รับการละหมาดของนางจนกว่านางจะกลับบ้านไปชำระล้างร่างกายก่อน”
หะดีษเหล่านี้ใช้กับกรณีทั่วไป การห้ามปะพรมเครื่องหอมที่เรือนร่างก็เช่นเดียวกับห้ามปะพรมเครื่องหอมที่เสื้อผ้า โดยเฉพาะในหะดีษที่สามที่กล่าวถึง บะคูร ซึ่งถูกใช้ให้ความหอมกับเสื้อผ้าโดยเฉพาะ
เหตุผลของข้อห้ามนี้ค่อนข้างชัดเจน เพราะกลิ่นหอมของผู้หญิงอาจเป็นสาเหตุกระตุ้นความปรารถนาอันเกินควร บรรดานักวิชาการยังได้รวมถึงสิ่งอื่นๆ ซึ่งต้องห้ามสำหรับสตรีที่จะไปมัสญิด เช่น เครื่องแต่งกายที่สวยงาม เพชรพลอยซึ่งเปิดเผยให้มองเห็น การประดับประดาที่เกินเลย และการปะปนกับผู้ชาย (ดู ฟัตหุลบารี, 2/279)
อิบนุ ดะกีก อัลอีด กล่าวว่า นี่เป็นการบ่งชี้ว่าห้ามผู้หญิงที่ต้องการไปมัสญิดปะพรมน้ำหอม เพราะเป็นการกระตุ้นอารมณ์ของผู้ชาย (อ้างอิงใน ฟัยฎุลเกาะดีร ของอัลมะนาวี ในคำอธิบายหะดีษของอบูฮุร็อยเราะฮฺตอนแรกที่ยกมา)
มีรายงานในหะดีษเศาะฮีหฺว่า ผู้หญิงที่เลียนแบบผู้ชายในเรื่องการแต่งกายหรือเรื่องอื่นๆ นั้นถูกสาปแช่ง ต่อไปนี้คือหะดีษบางส่วนที่เราทราบ
อบูฮุร็อยเราะฮฺ กล่าวว่า “ท่านร่อซูลุลลอฮฺ สาปแช่งผู้ชายที่สวมเครื่องแต่งกายของผู้หญิงและผู้หญิงที่สวมเครื่องแต่งกายของผู้ชาย”
อับดุลลอฮฺ อิบนุ อัมรฺ กล่าวว่า ฉันได้ยินท่านร่อซูลุลลอฮฺ กล่าวว่า “ไม่ใช่หมู่พวกเรา สำหรับผู้หญิงที่เลียนแบบผู้ชายและผู้ชายที่เลียนแบบผู้หญิง”
อิบนุอับบาส กล่าวว่า “ท่านนบี สาปแช่งผู้ชายที่มีลักษณะเหมือนผู้หญิงและผู้หญิงที่มีลักษณะเหมือนผู้ชาย” ท่านกล่าวว่า “ให้พวกเขาออกจากบ้านของพวกท่าน” เขากล่าวว่า ท่านนบี ได้ไล่คนนั้นคนนี้ และท่านอุมัรก็ได้ไล่คนนั้นคนนี้ ในอีกสายรายงานหนึ่ง “ท่านร่อซูลุลลอฮฺ สาปแช่งผู้ชายที่เลียนแบบผู้หญิงและผู้หญิงที่เลียนแบบผู้ชาย”
อับดุลลอฮฺ อิบนุ อัมรฺ กล่าวว่า ท่านร่อซูลุลลอฮฺ กล่าวว่า “มีคน 3 จำพวกที่จะไม่ได้เข้าสวรรค์ และอัลลอฮฺจะไม่ทรงมองพวกเขาในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ คือ ผู้ที่ไม่เชื่อฟังพ่อแม่ ผู้หญิงที่เลียนแบบผู้ชาย และสามีซึ่งไม่รู้สึกหึงหวงภรรยาของตน”
อิบนุ อบี มุลัยกะฮฺ (ชื่อจริงคือ อับดุลลอฮฺ อิบนุ อุบัยดุลลอฮฺ) กล่าวว่า มีผู้กล่าวกับท่านหญิงอาอิชะฮฺ ว่า “จะเป็นอะไรไหมหากผู้หญิงใส่รองเท้าของผู้ชาย” ท่านหญิงกล่าวว่า “ท่านร่อซูลุลลอฮฺ สาปแช่งผู้หญิงที่ทำตัวเหมือนผู้ชาย”
หะดีษเหล่านี้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าห้ามผู้หญิงเลียนแบบผู้ชาย เช่นเดียวกับที่ห้ามผู้ชายเลียนแบบผู้หญิง ในเรื่องการแต่งกายและเรื่องอื่นๆ ยกเว้นหะดีษแรกที่ระบุเฉพาะในเครื่องแต่งกายเท่านั้น
อบูดาวูด กล่าวใน มะซาอิล อัลอิมาม อะหมัด (น.261) ฉันได้ยินอะหมัดถูกถามเกี่ยวกับชายคนหนึ่งซึ่งให้ทาสหญิงสวมเสื้อคลุม เขากล่าวว่า “อย่าให้นางสวมเสื้อผ้าของผู้ชาย อย่าให้นางดูเหมือนผู้ชาย” อบูดาวูดกล่าวว่า ฉันพูดกับอะหมัดว่า “เขาจะให้นางใส่รองเท้าของผู้ชายได้ไหม” เขาตอบว่า “ไม่ได้ นอกจากนางจะใส่เพื่ออาบน้ำละหมาด” ฉันกล่าวว่า “แล้วหากเพื่อความสวยงามล่ะ” เขาตอบว่า “ไม่ได้” ฉันกล่าวว่า “เขาจะตัดผมนางให้สั้นได้ไหม” เขาตอบว่า “ไม่ได้”
มีปรากฏในชะรีอะฮฺว่า มุสลิมทั้งหญิงและชาย ต้องไม่ทำให้เหมือนหรือเลียนแบบกุฟฟาร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเคารพสักการะ วัฒนธรรม หรือการแต่งกาย ซึ่งเป็นเรื่องเฉพาะของพวกเขา นี่เป็นหลักการอิสลามที่สำคัญซึ่งในปัจจุบันนี้ถูกเพิกเฉยโดยมุสลิมจำนวนมาก แม้แต่บรรดาผู้ที่เคร่งครัดในศาสนาหรือผู้ที่เรียกร้องผู้อื่นสู่อิสลาม เนื่องจากการละทิ้งศาสนาของตน การปฏิบัติตามอารมณ์ใฝ่ต่ำ การหันเหออกจากแนวทาง ประกอบกับค่านิยมที่ทันสมัยและการเลียนแบบกาฟิรยุโรป ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้มุสลิมตกต่ำและอ่อนแอ ตลอดจนเปิดโอกาสให้ต่างศาสนิกมีชัยและได้มีอำนาจเหนือพวกเขา “... แท้จริงอัลลอฮฺจะมิทรงเปลี่ยนแปลงสภาพของกลุ่มชนใด จนกว่าพวกเขาจะเปลี่ยนแปลงสภาพของพวกเขาเอง...” [อัรเราะอฺด 13:11]
มีหลักฐานเศาะฮีหฺที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จำนวนมากในอัลกุรอานและซุนนะฮฺ และหลักฐานในอัลกุรอานก็ถูกอธิบายไว้อย่างละเอียดลออในซุนนะฮฺ
อิบนุอุมัร กล่าวว่า ท่านร่อซูลุลลอฮฺ กล่าวว่า “ใครก็ตามที่สวมใส่เครื่องแต่งกายแห่งความหยิ่งยะโส(ลิบาส อัชชุฮฺเราะฮฺ) ในโลกนี้ อัลลอฮฺจะให้เขาสวมเครื่องแต่งกายแห่งความอับอายในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ แล้วพระองค์จะทรงให้เปลวไฟลุกโชติเผาตัวเขา” (หิญาบ อัลมัรอะฮฺ อัลมุสลิมะฮฺ, น. 54-67)
และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงรอบรู้ที่สุด
คำตอบโดย ชัยคฺ มุฮัมมัด ศอลิหฺ อัลมุนัจญิด
Islam Q&A คำถามหมายเลข 6991