(1) ท่านเราะซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮฺวะซัลลัม ได้ทำหน้าบึ้ง และผินหน้าไปทางอื่น
(2) เพราะการมาของอับดุลลอฮ์ บิน อุมมู มักตูม เพื่อขอคำชี้แนะจากท่านเราะซูล ซึ่งเขาเป็นคนตาบอด เขาได้มาหาท่านเราะซูลในขณะที่ท่านเราะซูล ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮฺวะซัลลัม กำลังยุ่งอยู่กับผู้นำของบรรดาผู้ตั้งภาคีโดยหวังเพื่อจะชี้แนะทางนำอิสลามให้แก่พวกเขา
(3) โอ้เราะซูลเอ๋ย และอะไรเล่าที่จะทำให้เจ้ารู้ หวังว่าชายตาบอดคนนี้จะมาเพื่อซักฟอกบาปกรรมของเขาก็ได้?!
(4) หรือเพื่อรับคำตักเตือนในสิ่งที่เขารับฟังมาจากเจ้าซึ่งคำตักเตือนต่าง ๆ แล้วเขาก็จะได้รับประโยชน์จากคำตักเตือนนั้น
(5) ส่วนผู้ที่เขารู้สึกพอเพียงกับตัวของเขาเองแล้วนั้น เพราะทรัพย์สินเงินทองที่เขามีอยู่ โดยไม่ศรัทธาต่อสิ่งที่เจ้าได้นำพามา
(6) เจ้ากลับเสนอหน้าและเข้าไปหาเขา
(7) และเจ้าจะได้รับผลกระทบอะไรหรือ หากเขาไม่ได้ซักฟอกบาปกรรมของเขาด้วยการกลับเนื้อกลับตัวไปสู่อัลลอฮ์
(8) และส่วนผู้ที่ได้มาหาเจ้าด้วยความพยายามเพื่อแสวงหาความดี
(9) โดยที่เขามีความเกรงกลัวต่อพระเจ้าของเขา
(10) แล้วเจ้ากลับไม่สนใจเขา ทำเป็นยุ่งกับบรรดาผู้หลักผู้ใหญ่ของผู้ตั้งภาคี
(11) มิใช่เช่นนั้นเลย แท้จริงคำสอนของศาสนาเป็นการตักเตือนและการเตือนสติสำหรับผู้ที่ยอมรับมัน
(12) ดังนั้นผู้ใดประสงค์ที่จะรำลึกถึงอัลลอฮ์ ก็ให้เขารำลึกถึงข้อเตือนใจนั้น และเชื่อฟังต่อสิ่งที่มีอยู่ในอัลกุรอ่านนี้เสีย
(13) ซึ่งอัลกุรอ่านนี้อยู่ในบรรดาคัมภีร์อันทรงเกียรติ ณ บรรดามลาอิกะฮ์
(14) ที่ได้รับการเทิดทูนไว้ยังสถานที่สูงส่ง ได้รับความบริสุทธิ์ที่สิ่งสกปรกและสิ่งโสโครกไม่อาจสัมผัสมันได้
(15) คัมภีร์ดังกล่าวอยู่ที่มือของเหล่าทูตที่มาจากบรรดามะลาอิกะฮ์
(16) ผู้ทรงเกียรติ ณ พระเจ้าของพวกเขา ชอบกระทำความดีและเชื่อฟัง
(17) มนุษย์ผู้ปฏิเสธศรัทธานั้นถูกสาปแช่ง การปฏิเสธศรัทธาของเขาที่มีต่ออัลลอฮ์ช่างร้ายแรงยิ่งเสียนี่กระไร!
(18) จากสิ่งใดเล่าอัลลอฮ์ทรงสร้างเขามา กระทั่งเขานั้นถึงห้าวเหิม ณ บนหน้าแผ่นดินและปฏิเสธศรัทธาต่อพระองค์!
(19) จากน้ำอันน้อยนิดเท่านั้น พระองค์ทรงสร้างเขามา แล้วก็ทรงกำหนดการสร้างแก่เขาอย่างเป็นลำดับเป็นขั้นเป็นตอน
(20) จากนั้นภายหลังจากขั้นตอนการสร้างนี้ พระองค์ก็ได้ทรงให้ความง่ายดายแก่เขาในการออกมาจากครรภ์มารดาของเขา
(21) ต่อมาหลังจากที่พระองค์ได้ทรงกำหนดอายุในการใช้ชีวิตให้แก่เขา พระองค์ก็ได้ทรงให้เขาตายไป และทรงทำหลุมศพแก่เขา ซึ่งเขาจะคงอยู่ในนั้นไปตลอดจนเขาจะถูกให้ฟื้นคืนชีพ
(22) จากนั้นครั้นเมื่อพระองค์ทรงประสงค์ก็ทรงคืนชีพแก่เขา เพื่อมาชำระสอบสวนและรับผลตอบแทน
(23) เรื่องมันมิได้เป็นอย่างที่ผู้ปฏิเสธศรัทธาคนนี้คิดเอาไว้ ว่าเขาได้ปฏิบัติหน้าที่ที่ควรมีต่อพระเจ้าของเขาแล้ว ทั้ง ๆ ที่เขายังมิได้ปฏิบัติบทบัญญัติต่าง ๆ ที่อัลลอฮ์ได้ทรงบัญญัติใว้แก่เขาเลย
(24) ดังนั้นจงให้มนุษย์ที่ปฏิเสธศรัทธาต่ออัลลอฮ์พิจารณาดูอาหารของเขาที่เขากำลังรับประทานมันอยู่ ว่าเขาได้มาอย่างไร?!
(25) ซึ่งเดิมที่มันมาจากน้ำฝนที่เทลงมาจากท้องฟ้าอย่างหนักและล้นเหลือ
(26) จากนั้นเราได้ทรงแยกแผ่นดินออก แล้วมันก็ได้เผยพืชผลต่าง ๆ ออกมา
(27) แล้วเราได้ให้เมล็ดพืชต่าง ๆ งอกเงยขึ้นในแผ่นดินนั้น ทั้งข้าวสาลี ข้าวโพด และอื่น ๆ
(28) และเราได้ให้องุ่นและหญ้าอันชุ่มชื้นงอกเงยขึ้นมาในแผ่นดินนั้น เพื่อเป็นอาหารให้แก่สัตว์เลี้ยงของพวกเขา
(29) และเราก็ได้ให้ต้นมะกอกและต้นอินทผาลัมงอกเงยขึ้นมาในแผ่นดินนั้น
(30) และเราได้ให้เรือกสวนที่มีต้นไม้อันมากมายงอกเงยขึ้นมาในแผ่นดินนั้น
(31) และเราได้ให้ผลไม้ และสิ่งที่เป็นอาหารของสัตว์เลี้ยงของพวกเจ้างอกเงยขึ้นมาในแผ่นดินนั้น
(32) เพื่อเป็นประโยชน์แก่พวกเจ้า และเป็นประโยชน์แก่สัตว์เลี้ยงของพวกเจ้า
(33) ครั้นเมื่อเสียงกัมปนาทอันยิ่งใหญ่ที่มันก้องกังวานเข้าสู่ใบหูทั้งหลายได้มาถึง นั่นก็คือการเป่าสังข์ครั้งที่สอง
(34) คือวันที่ผู้คนจะหลบหนีจากพี่น้องของเขา
(35) และจะหนีจากแม่ของเขา และพ่อของเขา
(36) และจะหนีจากภรรยาของเขา และบรรดาลูก ๆ ของเขา
(37) สำหรับแต่ละคนในหมู่พวกเขานั้น ต่างมีภาระยุ่งไม่สนใจผู้อื่น เนื่องจากความทุกข์ยากยิ่งที่มีในวันนั้น
(38) ใบหน้าของผู้ที่มีความสุขทั้งหลายในวันนั้นจะสว่างไสว
(39) หัวเราะดีใจร่าเริงต่อสิ่งที่อัลลอฮ์ได้เตรียมไว้สำหรับมัน จากความเมตตาของพระองค์
(40) และส่วนใบหน้าของผู้ที่ชั่วช้าทั้งหลายในวันนั้นจะมีฝุ่นจับ
(41) ความมืดได้ปกคลุมใบหน้านั้น
(42) ชนเหล่านั้นที่มีคุณลักษณะดังกล่าว คือ บรรดาผู้ที่ได้รวบรวมระหว่างการปฏิเสธการศรัทธาและการกระทำชั่ว