57 - Al-Hadid ()

|

(1) สิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและในแผ่นดินต่างก็แซ่ซ้องสดุดีและให้ความบริสุทธิ์แด่อัลลอฮฺ และพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจอันยิ่งใหญ่ที่ไม่มีผู้ใดเหนือพระองค์ ผู้ทรงปรีชาญาณในการสร้างและการจัดการระบบของพระองค์

(2) อำนาจอันเด็ดขาดแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนั้นเป็นสิทธิ์ของพระองค์เพียงองค์เดียวเท่านั้น พระองค์ทรงให้ชีวิตแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์และทรงให้ตายแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และพระองค์เป็นผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่ง ไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้พระองค์หมดความสามารถได้

(3) พระองค์ทรงเป็นองค์แรกที่ไม่มีสิ่งใดก่อนพระองค์และองค์สุดท้ายที่ไม่มีสิ่งใดหลังพระองค์ และทรงเปิดเผย(สูงส่ง)ที่ไม่มีสิ่งใดเหนือพระองค์และทรงเร้นลับที่ไม่มีสิ่งใดเร้นลับยิ่งไปกว่าพระองค์ และพระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มีสิ่งใดจะซ่อนเร้นไปจากความรอบรู้ของพระองค์ได้

(4) พระองค์คือผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินภายในระยะเวลา 6 วัน เริ่มจากวันอาทิตย์และสิ้นสุดที่วันศุกร์ โดยที่พระองค์สามารถที่จะสร้างมันภายในพริบตา แล้วพระองค์ทรงสถิตอยู่บนบัลลังก์ซึ่งเป็นการสถิตที่คู่ควรเหมาะสมกับพระองค์ พระองค์ทรงรอบรู้สิ่งที่เข้าไปในแผ่นดิน เช่น น้ำฝน เมล็ดพืช เป็นต้น และสิ่งที่ออกมาจากแผ่นดิน เช่น พืชผล แร่ธาตุ เป็นต้น และสิ่งที่ลงมาจากฟากฟ้า เช่น น้ำฝน วะห์ยู (พระบัญชาของพระองค์) เป็นต้น และสิ่งที่ขึ้นไปสู่ฟากฟ้า เช่น มลาอีกะฮฺ (ทูตสวรรค์) การงานของบ่าว และวิญญาณของพวกเขา และพระองค์ทรงอยู่กับพวกเจ้าด้วยความรู้ของพระองค์ ไม่ว่าพวกเจ้าจะอยู่ ณ แห่งหนใด ไม่มีสิ่งใดจะซ่อนเร้นไปจากพระองค์ได้ และอัลลอฮฺทรงเห็นสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ การงานต่างๆ ของพวกเจ้าจะไม่ซ่อนเร้นไปจากพระองค์ และพระองค์จะทรงตอบแทนการงานของพวกเจ้าที่ได้กระทำไว้

(5) อำนาจอันเด็ดขาดแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนั้นเป็นสิทธิ์ของพระองค์เพียงองค์เดียวเท่านั้น และการงานทั้งหลายจะถูกกลับไปยังพระองค์เพียงองค์เดียวเท่านั้นเช่นกัน แล้วพระองค์ก็จะทรงสอบสวนมนุษย์ และตอบแทนพวกเขาตามการงานที่ได้กระทำไว้

(6) กลางคืนจะคาบเกี่ยวเข้าไปในกลางวัน แล้วจะมีความมืดปรากฏออกมา มนุษย์ก็จะนอนหลับพักผ่อน และกลางวันจะคาบเกี่ยวเข้าไปในกลางคืน แล้วจะมีแสงสว่างปรากฏออกมา ทำให้มนุษย์สามารถออกไปทำงานต่างๆ ของพวกเขา และพระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้สิ่งที่อยู่ในทรวงอกบ่าวของพระองค์ ไม่มีสิ่งใดจะซ่อนเร้นไปจากพระองค์ได้

(7) พวกเจ้าจงศรัทธาต่ออัลลอฮฺและเราะสูลของพระองค์เถิด และจงบริจาคทรัพย์สินที่อัลลอฮฺได้ทรงให้พวกเจ้าเป็นตัวแทนในการครอบครอง โดยใช่จ่ายทรัพย์สินนั้นตามที่ได้ถูกบัญญัติไว้ให้กับพวกเจ้า ดังนั้นบรรดาผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮฺในหมู่พวกเจ้า และได้ทำการบริจาคในหนทางของอัลลอฮฺนั้น สำหรับพวกเขาคือรางวัลอันยิ่งใหญ่ ณ ที่อัลลอฮฺ นั้นก็คือ สรวงสวรรค์

(8) และมีสิ่งใดเล่าที่ขัดขวางพวกเจ้ามิให้ศรัทธาต่ออัลลอฮฺ?! ทั้งๆ ที่ท่านเราะสูลได้เรียกร้องพวกเจ้าสู่การศรัทธาต่ออัลลอฮฺ โดยหวังว่าพวกเจ้าจะศรัทธาต่อพระผู้อภิบาลของพวกเจ้า และแน่นอน พระองค์ได้ทรงเอาสัญญากับพวกเจ้าแล้วว่าให้พวกเจ้าศรัทธาต่อพระองค์ขณะที่พระองค์ได้ทรงให้พวกเจ้าออกจากส่วนหลังของบิดาของพวกเจ้า หากพวกเจ้าเป็นผู้ศรัทธา

(9) พระองค์เป็นผู้ทรงประทานบรรดาอัลอายาต (สัญญาณต่างๆ) อันชัดแจ้งลงมาให้แก่มุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺอลัยฮิวะซัลลัม ผู้ซึ่งเป็นบ่าวของพระองค์ เพื่อเขาจะได้นำพวกเจ้าออกจากความมืดมนแห่งการปฏิเสธศรัทธาและความโง่เขลาทั้งหลายไปสู่แสงสว่างแห่งการศรัทธาและวิชาความรู้ และแท้จริงต่อพวกเจ้านั้น แน่นอนอัลลอฮฺทรงเอ็นดูทรงเมตตาเสมอ ขณะที่พระองค์ได้ทรงส่งศาสนทูตของพระองค์ไปยังพวกเจ้าในสภาพที่เป็นผู้ชี้ทางและแจ้งข่าวดี

(10) และมีสิ่งใดเล่าที่ขัดขวางพวกเจ้ามิให้บริจาคในหนทางของอัลลอฮ์? ทั้ง ๆ ที่มรดกแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นของอัลลอฮ์ โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย มันจะไม่เท่าเทียมกันระหว่างผู้ที่บริจาคทรัพย์สินของเขาในหนทางของอัลลอฮ์เพื่อหวังความโปรดปรานของพระองค์ก่อนการพิชิตนครมักกะฮ์และต่อสู้กับบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาเพื่อให้อิสลามได้รับชัยชนะ กับผู้ที่บริจาคทรัพย์สินของพวกเขาในหนทางของพระองค์หลังจากการพิชิตนครมักกะฮ์และต่อสู้กับบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา พวกเขาเหล่านั้นที่บริจาคทรัพย์สินและต่อสู้ในหนทางของพระองค์ก่อนการพิชิตจะมีฐานะที่ยิ่งใหญ่กว่า ณ ที่อัลลอฮ์ และแน่นอนอัลลอฮ์ได้ทรงสัญญาสรวงสวรรค์ให้แก่ทั้งสองฝ่าย และอัลลอฮ์นั้นทรงรอบรู้อย่างละเอียดในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ ไม่มีการงานใดของพวกเจ้า จะซ่อนเร้นไปจากพระองค์ได้ และพระองค์จะทรงตอบแทนพวกเจ้าตามการงานที่ได้กระทำไว้

(11) จะมีผู้ใดเล่าที่จะทุ่มเทบริจาคทรัพย์สินของเขาโดยสมัครใจเพื่ออัลลอฮฺ แล้วอัลลอฮฺจะมอบให้แก่เขาเพื่อเป็นรางวัลในสิ่งที่เขาได้เสียสละไปนั้นด้วยการตอบแทนอย่างทวีคูณ และในวันกิยามะฮฺเขาจะได้รับผลบุญอันมีเกียรติ นั้นก็คือสรวงสวรรค์?!

(12) วันที่เจ้าจะเห็นบรรดาผู้ศรัทธาชายและบรรดาผู้ศรัทธาหญิงมีแสงสว่างของพวกเขาฉายแสงนำหน้าพวกเขา ณ เบื้องหน้าของพวกเขา และทางขวาของพวกเขา และจะมีเสียงกล่าวแก่พวกเขาว่า " วันนี้มีข่าวดีแก่พวกเจ้า คือสรวงสวรรค์อันหลากหลายมีแม่น้ำหลายสายไหลผ่านอยู่ใต้สถานที่พักและต้นไม้ของมัน โดยพวกเขาจะพำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล การตอบแทนดังกล่าวนั่นคือชัยชนะอันยิ่งใหญ่ที่มิอาจเทียบได้"

(13) วันที่บรรดาผู้กลับกลอกชายและบรรดาผู้กลับกลอกหญิงจะกล่าวแก่บรรดาผู้ศรัทธาว่า "กรุณารอพวกเราด้วยเถิด เพื่อเราจะได้รับแสงสว่างจากพวกเจ้าที่สามารถช่วยเหลือพวกเราในการข้ามสะพานที่ทอดผ่านนรกได้" และจะมีเสียงกล่าวแก่พวกเขาอย่างเย้อหยันว่า "พวกเจ้าจงหันหลังกลับไปเถิด แล้วจงแสวงหาแสงสว่างที่พวกเจ้าต้องการจะใช้มันด้วยตัวเอง" (ขณะนั้นเอง) ก็มีกำแพงที่มีประตูบานหนึ่งมาขวางกั้นระหว่างพวกเขา ด้านในของมันที่อยู่ฝั่งบรรดาผู้ศรัทธานั้นจะมีแต่ความเมตตา และด้านนอกของมันที่อยู่ฝังบรรดาผู้กลับกลอกจะมีแต่การลงโทษ

(14) บรรดาผู้กลับกลอกจะร้องเรียกบรรดาผู้ศรัทธาว่า "พวกเราไม่เคยได้อยู่ร่วมกันกับพวกท่านในอิสลามและการเชื่อฟังหรอกหรือ?! บรรดาผู้ศรัทธากล่าวตอบแก่พวกเขาว่า "ใช่ พวกเจ้าเคยได้อยู่ร่วมกับพวกเรา แต่พวกเจ้าได้ทำลายตัวของพวกเจ้าด้วยการกลับกลอก แล้วพวกเจ้าก็ทำให้มันพินาศไป และพวกเจ้ารอคอยความพ่ายแพ้ที่จะเกิดขึ้นกับบรรดาผู้ศรัทธา แล้วพวกเจ้าจะได้ประกาศการปฏิเสธศรัทธาของพวกเจ้า และพวกเจ้าสงสัยในเรื่องการช่วยเหลือของอัลลอฮ์ที่มีต่อบรรดาผู้ศรัทธาและเรื่องการฟื้นคืนชีพหลังความตาย และความหวังที่เป็นเท็จได้หลอกลวงพวกเจ้า จนกระทั่งความตายได้มายังพวกเจ้าในสภาพดังกล่าว และชัยฏอนได้ล่อลวงพวกเจ้าเกี่ยวกับอัลลอฮ์"

(15) ดังนั้นวันนี้การไถ่บาปจะไม่ถูกรับจากพวกเจ้า โอ้บรรดาผู้กลับกลอก และจากบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาต่ออัลลอฮฺอย่างเปิดเผย และที่พำนักของพวกเจ้าและบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธานั้นคือนรก ซึ่งมันเป็นสถานที่อันเหมาะสมแก่พวกเจ้าแล้ว และมันเป็นที่พำนักที่ต้องกลับไปที่ชั่วร้ายยิ่ง

(16) ยังไม่ถึงเวลาอีกหรือสำหรับบรรดาผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮฺและเราะสูลของพระองค์ที่หัวใจของพวกเขาจะนอบน้อมและสงบเพื่อการรำลึกถึงอัลลอฮฺและรำลึกถึงสิ่งที่ได้ถูกประทานลงมาในอัลกุรอ่านทั้งที่เป็นสัญญาดีและสัญญาร้าย และพวกเขาอย่าได้เป็นเช่นชาวยิวที่ได้รับคัมภีร์อัตเตารอตและชาวคริสต์ที่ได้รับคัมภีร์อัลอินญีลในเรื่องการแข็งกระด้างของหัวใจ แล้วช่วงเวลาระหว่างพวกเขากับการแต่งตั้งบรรดานบีของพวกเขานั้นได้เนิ่นนานเกินไป มีผลทำให้จิตใจของพวกเขาแข็งกระด้าง และส่วนใหญ่ของพวกเขานั้นเป็นผู้ออกจากการจงรักภักดีต่ออัลลลอฮฺไปสู่การฝ่าฝืนพระองค์?!

(17) พึงทราบเถิดว่า แท้จริงอัลลอฮฺนั้นทรงให้แผ่นดินมีชีวิตชีวาด้วยการงอกเงยของพืชผลหลังจากที่มันแห้งแล้ง แน่นอนเราชี้แจงหลักฐานและข้อพิสูจน์ต่างๆ ที่บ่งบอกถึงความสามารถของอัลลลอฮฺและเอกภาพของพระองค์ หวังว่าพวกเจ้าจะได้ใช้สติปัญญาใคร่ครวญ แล้วทำให้รู้ว่าผู้ที่ทำให้แผ่นดินมีชีวิตชีวาหลังจากที่มันได้ตายไปแล้วสามารถที่จะฟื้นคืนชีพพวกเจ้าหลังจากที่พวกเจ้าได้ตายไปแล้วเช่นกัน และสามารถที่จะทำให้จิตใจของพวกเจ้าอ่อนโยนหลังจากที่มันได้แข็งกระด้าง

(18) แท้จริงบรรดาผู้บริจาคส่วนหนึ่งจากทรัพย์สินของเขาทั้งชายและหญิงที่บริจาคมันไปด้วยความสมัครใจโดยไม่ล้ำเลิกบุญคุณและก่อความเดือดร้อน พระองค์จะทรงเพิ่มรางวัลเพื่อเป็นการตอบแทนแก่พวกเขาเป็นทวีคูณ นั่นคือด้วยหนึ่งความดีเท่ากับสิบเท่าถึงเจ็ดร้อยเท่าและหลายๆ เท่า และสำหรับพวกเขาจะได้รับผลบุญอันมีเกียรติ ณ ที่อัลลอฮฺ นั้นก็คือ สรวงสวรรค์

(19) และบรรดาผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮฺและบรรดาเราะสูลของพระองค์โดยไม่ทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างพวกเขา พวกเขาเหล่านั้นแหละเป็นผู้สัตย์จริง และเป็นพยานที่ดีในสายตาของพระผู้อภิบาลของพวกเขา สำหรับพวกเขาคือรางวัลการตอบแทนของพวกเขาอันมีเกียรติที่ได้ถูกเตรียมไว้แก่พวกเขา และสำหรับพวกเขาอีกคือแสงสว่างของพวกเขาที่มันส่องแสงอยู่เบื้องหน้าและข้างขวาของพวกเขาในวันกิยามะฮฺ ส่วนบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาต่ออัลลอฮฺและบรรดาเราะสูลของพระองค์ และปฏิเสธต่อสัญญาณต่าง ๆ ของเราที่ถูกประทานลงมาให้แก่เราะสูลของเรา ชนเหล่านั้นเป็นชาวนรก พวกเขาจะเข้าไปอยู่ในนั้นในวันกิยามะฮฺตลอดกาลโดยจะไม่ได้ออกจากมัน

(20) พวกเจ้าจงเถิดว่า แท้จริงงชีวิตแห่งโลกนี้มิใช่อื่นใด นอกจากเป็นเพียงการละเล่นที่ร่างกายได้สนุกกับมัน เป็นวามเพลิดเพลินที่หัวใจได้หลงไหลกับมัน เป็นเครื่องประดับที่พวกเจ้าใช้ประดับตกแต่ง เป็นการโอ้อวดในความเป็นเจ้าแห่งกรรมสิทธิ์การครอบครองและความสะดวกสบายต่างๆ และเป็นการแข่งขันกันในการสะสมทรัพย์สินและลูกหลาน มันเปรียบเสมือนเช่น น้ำฝนที่ให้พืชผลงอกเงยสร้างความพอใจให้แก่ชาวสวน แล้วมันอยู่ได้ไม่นานก็เหี่ยวแห้ง แล้วเจ้าจะเห็นมันเป็นสีเหลืองหลังจากที่มันได้เคยเขียวชอุ่มมาก่อน แล้วอัลลอฮฺก็ให้มันแตกหักเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และในวันปรโลกนั้นจะมีการลงโทษที่แสนสาหัสแก่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาและบรรดาผู้กลับกลอก และจะมีการอภัยโทษจากอัลลอฮฺต่อบาปต่างๆสำหรับบ่าวของพระองค์ที่ศรัทธา และความพึงพอพระทัยจากพระองค์ และชีวิตแห่งโลกดุนยานี้ มิใช่อื่นใด นอกจากเป็นความสุขความเพลิดเพลินที่ไม่มั่นคงเท่านั้น ดังนั้นผู้ใดที่เลือกความสุขความเพลิดเพลินที่ไม่มั่นคงเหนือความโปรดปรานแห่งวันปรโลก ดังนั้นเขาจะเป็นผู้ขาดทุนที่ถูกหลอกลวง

(21) โอ้มนุษย์ทั้งหลาย จงเร่งรีบไปสู่การกระทำคุณงามความดีที่จะทำให้พวกเจ้าได้รับการอภัยโทษต่อบาปต่างๆของพวกเจ้า เช่น การเตาบะฮฺ (การกลับเนื้อกลับตัว) และการงานความดีอื่นๆ เพื่อให้พวกเจ้าได้รับสรวงสวรรค์ซึ่งความกว้างของมันประหนึ่งความกว้างของชั้นฟ้าและแผ่นดิน ซึ่งสวรรค์นี้อัลลอฮฺได้เตรียมไว้ให้แก่บรรดาผู้ที่ศรัทธาต่อพระองค์และศรัทธาต่อบรรดาเราะสูลของพระองค์ การตอบแทนดังกล่าวนั้นเป็นความโปรดปรานของอัลลอฮฺ ซึ่งพระองค์จะทรงประทานให้แก่บ่าวของพระองค์ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และอัลลอฮฺนั้นทรงเป็นเจ้าแห่งความโปรดปรานอันใหญ่หลวงต่อบ่าวของพระองค์ที่ศรัทธา

(22) ไม่มีเคราะห์กรรมอันใดที่ประสบกับมนุษย์ในแผ่นดินนี้ เช่น ความแห้งแล้งและอื่นๆ และไม่มีเคราะห์กรรมอันใดที่เกิดขึ้นกับตัวของพวกเจ้าเอง เว้นแต่มันได้ถูกบันทึกไว้แล้วในอัลเลาหุลมะฮฺฟูซ (แผ่นจารึกที่ถูกเก็บรักษาไว้) ก่อนที่เราจะสร้างสิ่งต่างๆ ขึ้นมา แท้จริงแล้วมันเป็นสิ่งที่ง่ายดายสำหรับอัลลอฮฺ

(23) (ที่ทำเช่นนั้นก็เพื่อ)ไม่ให้พวกเจ้า โอ้มนุษย์ทั้งหลาย เสียใจต่อสิ่งที่พวกเจ้าได้พลาดไป และเพื่อไม่ให้พวกเจ้าหลงระเริงจนนำไปสู่การโอ้อวดในความโปรดปรานที่พระองค์ได้ทรงประทานให้แก่พวกเจ้า และอัลลอฮฺมิทรงชอบทุกคนที่หยิ่งยะโส และผยองตนเหนือผู้อื่นในสิ่งที่อัลลอฮฺได้ทรงประทานให้แก่เขา

(24) บรรดาผู้ที่ตระหนี่ในสิ่งที่จำเป็นสำหรับพวกเขาที่จะต้องจ่าย และสั่งใช้ผู้อื่นให้ตระหนี่ พวกเขาคือผู้ขาดทุน และผู้ใดที่ผินหลังไม่จงรักภักดีต่ออัลลอฮฺ เขาไม่ได้สร้างผลกระทบใดๆ ต่ออัลลอฮฺเลย แต่เขาได้สร้างผลกระทบแก่ตัวของเขาเองต่างหาก แท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงร่ำรวย (อยู่เหนือการพึ่งสิ่งใดๆจากมัคลูกของพระองค์) ดังนั้นไม่จำเป็นเลยสำหรับพระองค์ที่ต้องพึ่งต่อการเชื่อฟังของบ่าวของพระองค์ พระองค์ควรค่าแก่การได้รับการสรรเสริญในทุกโอกาศอย่างแน่นอน

(25) แน่นอนเราได้ส่งบรรดาเราะสูลของเราพร้อมด้วยหลักฐานและข้อพิสูจณ์ต่างๆ อันชัดแจ้ง และเราได้ประทานคัมภีร์และความยุติธรรมลงมาพร้อมกับพวกเขา เพื่อมนุษย์จะได้ดำรงอยู่บนความเที่ยงธรรม และเราได้ประทานเหล็กลงมา ซึ่งมันมีความแข็งแกร่งมาก สามารถทำเป็นอาวุธยุทโธปกรณ์ได้ และมันมีประโยชน์อีกมากมายสำหรับมนุษย์ในงานอุตสาหกรรมและการประกอบอาชีพต่างๆ ของพวกเขา และเพื่ออัลลอฮฺจะได้ทรงรู้ถึงบ่าวของพระองค์ว่า ผู้ใดบ้างที่จะช่วยเหลือพระองค์(ด้วยความเชื่อมั่นของพวกเขาที่มีต่อพระองค์)โดยพวกเขาไม่เห็นพระองค์ แท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงพลัง ผู้ทรงอำนาจ ไม่มีผู้ใดสามารถเอาชนะเหนือพระองค์และสกัดกั้นพลังอำนาจของพระองค์ได้

(26) และแน่นอนเราได้ส่งนูหฺและอิบรอฮีม และเราได้เลือกในหมู่ลูกหลานของเขาทั้งสองให้เป็นนบีและประทานคัมภีร์ต่างๆ ลงมา ดังนั้นบางคนในหมู่พวกเขาเป็นผู้ได้รับทางนำอยู่ในแนวทางที่ถูกต้อง และส่วนมากในหมู่พวกเขาจะเป็นผู้นอกรีตออกจากการจงรักภักดีต่ออัลลอฮฺ

(27) หลังจากนั้นเราก็ได้ทยอยส่งบรรดาเราะสูลของเรา ซึ่งเราได้ส่งพวกเขาไปยังประชาชาติของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง และตามด้วยการได้ส่งอีซา บุตรของมัรยัม และเราได้ประทานคัมภีร์อัลอินญีลให้แก่เขา และเราได้บันดาลความโอบอ้อมอารีและความเมตตาให้เกิดขึ้นในจิตใจของบรรดาผู้ที่เชื่อฟังปฏิบัติตามเขา แล้วพวกเขาต่างก็รักใคร่กัน มีเมตตาซึ่งกันและกันในหมู่พวกเขา และพวกเขาได้อุตริสิ่งที่เลยเถิดขึ้นมาในศาสนาของพวกเขา เลยทำให้พวกเขาละทิ้งบางอย่างที่อัลลอฮฺได้ทรงอนุมัติให้แก่พวกเขา เช่น การแต่งงานและความรื่นเริงต่างๆ ทั้งๆ ที่เรามิได้ต้องการให้พวกเขากระทำเช่นนั้น แต่พวกเขาบังคับตัวของพวกเขาเองต่างหากให้กระทำเช่นนั้น โดยการสร้างสิ่งอุตริกรรมในศาสนาขึ้นมา และที่เราต้องการจากพวกเขาคือการแสวงหาความโปรดปรานของอัลลอฮฺเท่านั้น แต่พวกเขาไม่ปฏิบัติตาม ดังนั้นเราก็ได้ประทานผลบุญให้แก่บรรดาผู้ศรัทธาในหมู่พวกเขา และส่วนมากของพวกเขานั้นเป็นผู้นอกรีตออกจากการจงรักภักดีต่ออัลลอฮฺด้วยการปฏิเสธศรัทธาต่อสิ่งที่เราะสูลมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺอลัยฮิวะซัลลัม ได้นำมายังพวกเขา

(28) โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงยำเกรงต่ออัลลอฮฺด้วยการปฏิบัติตามคำสั่งใช้ของพระองค์และหลีกห่างจากคำสั่งห้ามของพระองค์ และศรัทธาต่อเราะสูลของพระองค์ พระองค์จะทรงประทานรางวัลและผลบุญสองส่วนให้แก่พวกเจ้าที่พวกเจ้าได้ศรัทธาต่อนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺอลัยฮิวะซัลลัม และศรัทธาต่อบรรดานบียุคก่อน และพระองค์จะทรงให้มีแสงสว่างแก่พวกเจ้าเพื่อพวกเจ้าจะได้ใช้มันในดำเนินชีวิตบนโลกดุนยานี้ และใช้มันในการข้ามสะพานที่ทอดผ่านนรกในวันปรโลก และจะทรงอภัยโทษให้แก่พวกเจ้าซึ่งบาปต่างๆ ของพวกเจ้า โดยที่พระองค์จะปกปิดบาปเหล่านั้นและจะไม่ทรงลงโทษพวกเจ้าเพราะมัน และอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงอภัยยิ่งให้แก่บ่าวของพระองค์ และเป็นผู้ทรงเมตตายิ่งต่อพวกเขา

(29) และแท้จริงเราได้ชี้แจงแก่พวกเจ้าแล้วถึงความโปรดปรานอันใหญ่หลวงของเราที่ได้ตระเตรียมไว้ให้แก่พวกเจ้า โอ้บรรดาผู้ศรัทธา เช่น การมีผลบุญที่เพิ่มเป็นทวีคูณ ทั้งนี้เพื่อให้ชาวคัมภีร์ยุคก่อนที่เป็นชาวยิวและชาวคริสต์จะได้รับรู้ว่าพวกเขาไม่มีอำนาจใดๆเหนือความโปรดของอัลลอฮฺ โดยที่พวกเขาจะมอบมันให้แก่ผู้ที่พวกเขาต้องการ หรือจะห้ามมันสำหรับผู้ที่พวกเขาต้องการ และเพื่อให้พวกเขาได้รับรู้ว่าแท้จริงความโปรดปรานทั้งหลายนั้นอยู่ในพระหัตถ์ของอัลลอฮฺ ซึ่งพระองค์จะทรงประทานความโปรดปรานนั้นแก่บ่าวผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และอัลลอฮฺนั้นคือผู้ทรงเป็นเจ้าแห่งความโปรดปรานอันใหญ่หลวง ซึ่งพระองค์จะทรงเจาะจงมันให้แก่บ่าวผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์