(1) โอ้เราะซูลเอ๋ย โดยแน่นอน อัลลอฮฺทรงได้ยินถ้อยคำของสตรี(นางคือเคาละฮฺ บินตี ซะอฺละบะฮฺ)ที่ตอบโต้เจ้า ในเรื่องสามีของนาง(เขาคือ เอาส์ บิน ซอมิต)เมื่อสามีของนางได้เปรียบเทียบนางว่านางเสมือนแม่ของเขาและนางได้ร้องทุกข์ต่ออัลลอฮฺในสิ่งที่สามีของนางได้ปฏิบัติกับนาง และอัลลอฮฺนั้นทรงได้ยินการตอบโต้ของเจ้าทั้งสอง จะไม่มีสิ่งใดที่ถูกซ่อนเร้น แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงได้ยินคำพูดบ่าวของพระองค์ ผู้ทรงรู้เห็นการกระทำของพวกเขาเสมอ จะไม่มีสิ่งใดที่ถูกซ่อนเร้น
(2) บรรดาผู้ที่เปรียบเทียบภรรยาของพวกเขา ซึ่งหนึ่งในหมู่พวกเขากล่าวแก่ภรรยาของเขาว่า คุณสำหรับฉันแล้วเหมือนกับแม่ของฉัน พวกเขานั้นได้กล่าวเท็จในคำพูดของพวกเขา เพราะภรรยาของพวกเขามิได้เป็นแม่ของพวกเขา แท้จริงบรรดาแม่ของพวกเขาคือผู้ให้กำเนิดพวกเขา และแท้จริงพวกเขานั้นได้กล่าวเช่นนี้แล้วพวกเขาก็จะกล่าวคำพูดที่น่าเกลียดและกล่าวเท็จ และแท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ทรงยกโทษให้เสมอ โดยที่บังคับให้พวกเขานั้นจ่ายกัฟฟาเราะฮฺ เพื่อให้บาปของพวกเขานั้นได้หมดไป
(3) และบรรดาผู้ที่กล่าวคำพูดที่น่ารังเกียจนี้ แล้วเขามีความต้องการที่จะร่วมหลับนอนกับบรรดาภรรยาของพวกเขาซึ่งเขาได้เปรียบเทียบว่าเสมือนแม่ของพวกเขาไว้ ดังนั้น(สิ่งที่จำเป็นแก่เขาต้องปฏิบัติคือ) การปล่อยทาสหนึ่งคนก่อนที่เขาทั้งสองจะแตะต้องต่อกัน (ร่วมหลับนอน) หุก่มที่กล่าวมานั้นคือสิ่งที่พวกเจ้าต้องปฏิบัติเพื่อตักเตือนซึ่งการเปรียบเทียบของพวกเจ้าและอัลลอฮฺทรงรอบรู้ยิ่งในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ ทุกการกระทำของพวกเจ้าจะไม่ถูกซ่อนเร้นไว้ ณ ที่อัลลอฮฺ
(4) ส่วนในหมู่พวกเจ้าที่ไม่สามารถปลดปล่อยทาสได้ ก็ต้องถือศีลอดสองเดือนติดต่อกัน ก่อนที่เขาจะร่วมหลับนอนกับภรรยาของเขาที่เขาได้ทำการซิฮารไว้ แล้วสำหรับผู้ที่ไม่สามารถจะถือศีลอดสองเดือนติดต่อกันได้ ก็จงให้อาหารแก่คนยากจนจำนวนหกสิบคน นั่นคือคำตัดสินที่เราได้ตัดสินไว้ ทั้งนี้เพื่อจะให้พวกเจ้าศรัทธาว่าพระองค์นั้นได้ทรงบัญชาไว้ แล้วปฏิบัติตามคำบัญชาของพระองค์ และคำตัดสินที่เราได้บัญญัติไว้แก่พวกเจ้านั้นคือขอบเขตของอัลลอฮ์ที่มีใว้สำหรับบ่าวของพระองค์ ดังนั้นจงอย่าละเมิดขอบเขต และสำหรับพวกปฏิเสธศรัทธานั้น ด้วยคำตัดสินของอัลลอฮ์และขอบเขตของพระองค์ที่มีไว้คือการลงโทษอย่างเจ็บปวด
(5) แท้จริงบรรดาผู้ต่อต้านอัลลอฮฺ และเราะซูลของพระองค์ พวกเขาจะถูกทำให้อัปยศและอับอายเช่นเดียวกับบรรดาก่อนหน้าพวกเขาได้ถูกทำให้อัปยศและอับอายมาก่อนแล้ว และแน่นอน เราได้ประทานโองการทั้งหลายอันชัดแจ้ง และสำหรับพวกปฏิเสธศรัทธาต่ออัลลอฮฺและเราะสูลของพระองค์และโองการต่างๆของพระองค์นั้นจะได้รับการลงโทษอย่างน่าอัปยศอดสู
(6) วันที่อัลลอฮฺจะทรงให้พวกเขาทั้งหมดฟื้นคืนชีพขึ้นมาจะไม่มีผู้ใดรอดพ้นไปได้ แล้วพระองค์จะทรงแจ้งให้พวกเขาทราบถึงสิ่งที่พวกเขาปฏิบัติไว้ซึ่งการงานที่น่ารังเกียจ อัลลอฮฺทรงประเมินมันไว้อย่างครบถ้วน การงานของพวกเขาจะไม่ขาดตก แต่พวกเขาลืมมัน แล้วพวกเขาได้เห็นมันถูกบันทึกไว้ โดยจะไม่ละทิ้งสิ่งเล็กและสิ่งใหญ่เว้นแต่จะประเมินมัน และอัลลอฮฺทรงทราบทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกการงานของพวกเขาจะไม่ถูกซ่อนเร้น ณ ที่อัลลอฮฺ
(7) โอ้เราะซูลเอ๋ย เจ้าไม่เห็นดอกหรือว่า อัลลอฮฺทรงรอบรู้สิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลาย และสิ่งที่อยู่ในแผ่นดิน จะไม่มีสิ่งใดซ่อนเร้น การซุบซิบกันในสามคนจะไม่เกิดขึ้น เว้นแต่พระองค์จะทรงเป็นที่สี่ของพวกเขาที่จะรับรู้มัน และมันจะไม่เกิดขึ้นในห้าคน เว้นแต่พระองค์ทรงเป็นที่หกของพวกเขาที่จะรับรู้มัน และมันจะไม่เกิดขึ้นในจำนวนน้อยกว่านั้น และจะไม่เกิดขึ้นมากกว่านั้น เว้นแต่พระองค์จะทรงอยู่ร่วมกับพวกเขา ด้วยความรู้ของพระองค์ ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ในแห่งหนใดก็ตาม การซุบซิบของพวกเขาจะไม่ถูกซ่อนเร้น ณ ที่อัลลอฮฺ แล้วอัลลอฮฺก็จะทรงแจ้งพวกเขาให้ทราบในวันกิยามะฮฺ ถึงสิ่งที่พวกเขาได้ปฏิบัติไว้ (ในโลกดุนยา) แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงรอบรู้ทุกสิ่งไม่มีสิ่งใดถูกซ่อนเร้น
(8) โอ้เราะซูลเอ๋ย เจ้าไม่เห็นคนยิวดอกหรือ ที่พวกเขาได้ซุบซิบนินทากันเมื่อพวกเขาเห็นผู้ศรัทธา ดังนั้นอัลลอฮฺจึงทรงห้ามพวกเขาซึ่งการซุบซิบนินทา แล้วพวกเขาก็กลับไปกระทำในสิ่งที่อัลลอฮฺทรงห้ามพวกเขาไว้ และพวกเขาซุบซิบนินทากันระหว่างพวกเขาที่เป็นบาป เช่นการลอบสังหารบรรดาผู้ศรัทธา และที่เป็นศัตรูกับพวกเขา และที่เป็นการฝ่าฝืนท่านเราะซูล โอ้เราะซูลเอ๋ย เมื่อพวกเขามาหาเจ้า พวกเขาจะกล่าวทักทายไม่เหมือนกับที่อัลลอฮฺทรงกล่าวทักทายด้วยคำพูดนั้น คือ อัสสามุอะลัยกา พวกเขาหมายถึงความตาย และพวกเขากล่าวปฏิเสธต่อท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัมว่า ทำไมอัลลอฮฺจึงไม่ทรงลงโทษเราตามที่เราได้กล่าวทักทาย(มุฮัมมัด) ถ้าหากที่เขาได้แอบอ้างว่าเขาคือนบีนั้นเป็นความจริง แท้แล้วแล้วอัลลอฮฺจะทรงลงโทษพวกเราในสิ่งที่เรากล่าวมา นรกก็เป็นการพอเพียงแก่พวกเขาแล้ว เป็นบทลงโทษต่อสิ่งที่พวกเขาได้กล่าวมา พวกเขาจะประสบกับความร้อนของนรก ดังนั้นทางกลับที่ชั่วร้ายคือทางกลับของพวกเขา
(9) โอ้บรรดาผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮฺและปฏิบัติตามที่พระองค์ทรงบัญญัติไว้แก่พวกเขาเอ๋ย พวกเจ้าจงอย่าได้ซุบซิบกันด้วยการทำบาปและการเป็นศัตรู และการฝ่าฝืนท่านเราะซูล เพื่อไม่ให้พวกเจ้าเป็นเสมือนพวกยิว แต่จงซุบซิบกันเพื่อการศรัทธาต่ออัลลอฮฺ และจงยับยั้งจากการฝ่าฝืนพระองค์ และจงยำเกรงต่ออัลลอฮฺด้วยการปฏิบัติตามคำสั่งของพระองค์และห่างไกลจากข้อห้ามของพระองค์ และพระองค์คือผู้ซึ่งพวกเจ้าจะถูกรวบรวมให้กลับไปหาเพียงองค์เดียวในวันกิยามะฮฺเพื่อการพิพากษาและการตอบแทน
(10) แท้จริงการซุบซิบนินทากันนั้น-ได้รวมถึงบาปและการเป็นศัตรูและการทำบาปต่อเราะซูล-ซึ่งเป็นการหลอกล่อของชัยฏอนและการกระซิบกระซาบของมันแก่สมุนของมัน เพื่อนำความเศร้าไปสู่บรรดาผู้ศรัทธาให้เหมือนว่าสำหรับพวกเขา และไม่ใช่ชัยฏอนหรือการหลอกล่อของมันที่จะให้ร้ายแก่บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลายแต่อย่างใดแก่พวกเขา เว้นแต่ด้วยอนุมัติของอัลลอฮฺและความประสงค์ของพระองค์ และเฉพาะอัลลอฮฺเท่านั้นบรรดาผู้ศรัทธาต้องมอบความไว้วางใจในทุกๆเรื่องของพวกเขา
(11) โอ้บรรดาผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮฺและปฏิบัติในสิ่งที่พระองค์ทรงบัญญัติไว้สำหรับพวกเขาเอ๋ย เมื่อได้มีเสียงกล่าวแก่พวกเจ้าว่า จงหลีกที่ให้ในที่ชุมนุม พวกเจ้าก็จงหลีกที่ให้เขา เพราะอัลลอฮฺจะทรงให้ที่กว้างขวางแก่พวกเจ้าในการมีชีวิตของพวกเจ้าในดุนยาและอาคิเราะฮฺ และเมื่อมีเสียงกล่าวแก่พวกเจ้าว่า จงลุกขึ้นยืนจากที่ชุมนุมบางที่เพื่อให้บรรดาผู้มีเกียรติได้นั่ง พวกเจ้าก็จงลุกขึ้นยืน เพราะอัลลอฮฺ สุบหานาฮุ วะตะอาลา จะทรงยกย่องเทอดเกียรติแก่บรรดาผู้ศรัทธาในหมู่พวกเจ้า และบรรดาผู้ได้รับความรู้ หลายชั้นที่สูงส่ง และอัลลอฮฺทรงรอบรู้ยิ่งในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ ทุกการงานของพวกเจ้าจะไม่ถูกซ่อนเร้น ณ ที่อัลลอฮฺ และพระองค์จะทรงตอบแทนพวกเจ้า
(12) เมื่อเศาะฮาบะฮ์มักขอคำปรึกษาเป็นการส่วนตัวต่อเราะสูล อัลลอฮ์จึงตรัสว่า โอ้บรรดาผู้ศรัทธา เมื่อพวกเจ้าต้องการปรึกษาท่านเราะสูลเป็นการส่วนตัว จงบริจาคทานก่อนทำการปรึกษาหารือของพวกเจ้า ซึ่งมันจะเป็นการดีและบริสุทธิ์กว่าแก่พวกเจ้า เพราะเป็นการเชื่อฟังต่ออัลลอฮ์ซึ่งมันจะทำให้จิตใจนั้นบริสุทธิ์ แต่ถ้าหากพวกเจ้าไม่พบสิ่งใดที่จะบริจาคเพื่อการบริจาคก็ไม่การการบาปอะไร ก็จงรู้ไว้เถิดว่า แท้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงอภัยบาปของปวงบ่าวของพระองค์ผู้ทรงเมตตาต่อพวกเขาโดยที่พระองค์มิได้ทรงใช้พวกเขานอกจากสิ่งที่อยู่ในความสามารถของพวกเขา
(13) พวกเจ้ากลัวความจนเพราะการบริจาคทานเมื่อพวกเจ้าได้ปรึกษาหารือเป็นการส่วนตัวกับเราะซูลหรือ? หากพวกเจ้ามิได้กระทำสิ่งที่อัลลอฮฺทรงบัญชาไว้ อัลลอฮฺก็ได้ทรงอภัยโทษให้แก่พวกเจ้าแล้ว โดยที่อนุญาตให้แก่พวกเจ้าที่จะไม่ปฏิบัติมัน ดังนั้นพวกเจ้าจงดำรงไว้ซึ่งการละหมาดอย่างสมบูรณ์แบบ และจงบริจาคซะกาตทรัพย์สินของพวกเจ้า และจงเชื่อฟังภักดีต่ออัลลอฮฺและเราะซูลของพระองค์ และอัลลอฮฺทรงรอบรู้ยิ่งในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ ไม่มีสิ่งปกปิดต่อพระองค์ในทุกการงานของพวกท่าน และพระองค์จะทรงตอบแทนการงานของพวกท่าน
(14) โอ้ เราะซูลเอ๋ย เจ้ามิเห็นบรรดามุนาฟิกีนที่เป็นชาวยะฮูดซึ่งอัลลอฮฺทรงกริ้วพวกเขาเพราะการปฏิเสธศรัทธาและการทำบาปของพวกเขาดอกหรือ บรรดามุนาฟิกีนเหล่านั้นมิได้เป็นหนึ่งในบรรดาผู้ศรัทธาหรือบรรดายะฮูด แต่พวกเขาเป็นพวกปลิ้นปล้อน มิได้เป็นพวกกับชนเหล่านี้ หรือชนเหล่านี้ และพวกเขาสาบานว่าพวกเขาเป็นผู้ศรัทธา แต่พวกเขากับส่งข่าวสารมุสลิมไปยังพวกยะฮูด และพวกเขานั้นโกหกในคำสาบานของพวกเขา
(15) อัลลอฮฺทรงเตรียมการลงโทษอันสาหัสไว้ให้แก่พวกเขาในวันอาคิเราะฮฺแล้ว โดยที่จะเอาพวกเขาเข้านรกชั้นต่ำที่สุด แท้จริงการงานที่พวกเขากระทำไปซึ่งการปฏิเสธศรัทธาในดุนยานั้นเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ
(16) พวกเขาได้ยึดถือเอาการสาบานของพวกเขาที่พวกเขาได้สาบานไว้เป็นโล่ป้องกันจากการถูกฆ่าเพราะการปฏิเสธศรัทธา โดยที่พวกเขานั้นจะแสดงออกว่าเป็นอิสลามเพื่อปกป้องเลือดและทรัพย์สินของพวกเขา ดังนั้นมวลมนุษย์ก็ได้ออกไปจากความสัจธรรมที่มีการลดทอนและกีดกั้นสำหรับบรรดาผู้ศรัทธา ดังนั้นสำหรับพวกเขาจะได้รับการลงโทษอย่างน่าอัปยศอดสูที่ทำให้พวกเขาอัปยศอดสูและทำให้พวกเขาอับอาย
(17) แท้จริงบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธานั้นทรัพย์สินและลูกๆ ของพวกเขาจะไม่อำนวยประโยชน์ให้พวกเขารอดพ้นจากการลงโทษของอัลลอฮ์ได้แต่อย่างใดเลย และชนเหล่านี้แหละคือชาวนรก โดยที่พวกเขาจะอยู่ในนรกนั้นตลอดกาล บทลงโทษของพวกเขาจะไม่มีวันที่สิ้นสุด
(18) วันที่อัลลอฮฺจะทรงให้พวกเขาฟื้นคืนชีพขึ้นมาทั้งหมดจะไม่มีผู้ใดหลงเหลือแม้แต่คนเดียวในหมู่พวกเขาเว้นแต่จะถูกให้ฟื้นคืนชีพเพื่อตอบแทน แล้วพวกเขาก็จะสาบานต่อพระองค์ว่าพวกเขาไม่ได้ปฏิเสธศรัทธาและกลับกลอก แต่เป็นผู้ศรัทธาที่ปฏิบัติในสิ่งที่อัลลอฮฺทรงพอใจ โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย พวกเขาสาบานต่ออัลลอฮฺในวันอาคิเราะฮฺ เช่นเดียวกับที่พวกเขาสาบานต่อพวกเจ้าในดุนยาว่าพวกเขานั้นเป็นผู้ศรัทธา และพวกเขาคิดว่า แท้จริงการสาบานนี้ที่พวกเขาได้สาบานไว้ต่ออัลลอฮฺสำหรับสิ่งที่ทำให้พวกเขาได้รับประโยชน์หรือให้พวกเขารอดพ้นจากสิ่งเลวร้าย พึงทราบเถิด แท้จริงพวกเขาเป็นผู้โกหกความจริงต่อการสาบานของพวกเขาในดุนยา และการสาบานของพวกเขาในอาคิเราะฮฺ
(19) ชัยฏอนมารร้ายได้เข้าไปครอบงำพวกเขาเสียแล้ว มันจึงทำให้พวกเขาลืมการรำลึกถึงอัลลอฮฺด้วยการกระซิบกระซากของมัน ดังนั้นพวกเขาจะไม่ทราบถึงสิ่งที่พระองค์ทรงพอใจ แต่พวกเขาจะปฏิบัติในสิ่งที่พระองค์ทรงกริ้ว ชนเหล่านั้นที่มีคุณลักษณะนี้ พวกเขาคือ ทหารของชัยฏอนมารร้ายและลูกศิษย์ของมัน พวกเขาเป็นผู้ขาดทุนในดุนยาและอาคิเราะฮฺ โดยแน่นอน พวกเขาได้ขายทางที่แนะนำด้วยการหลงผิด และสวนสวรรค์ด้วยนรก
(20) แท้จริงบรรดาผู้ฝ่าฝืนอัลลอฮฺ และฝ่าฝืนเราะซูลของพระองค์ ชนเหล่านั้นอยู่ในหมู่ที่อัลลอฮฺทรงให้เป็นผู้อัปยศอดสูในดุนยาและอาคิเราะฮฺ และความอับอายของพวกเขามาจากประชาชาติผู้ปฏิเสธศรัทธา
(21) อัลลอฮฺทรงกำหนดมาก่อนแล้ว แน่นอนข้าและบรรดาเราะซูลของข้าจะมีชัยชนะเหนือบรรดาศัตรูของเราด้วยหลักฐานและความแข็งแกร่ง แท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงพลังในการช่วยเหลือบรรดาเราะซูลของพระองค์ ผู้ทรงอำนาจเหนือ ทรงปราบศัตรูของพวกเขา
(22) โอ้เราะซูลเอ๋ย เจ้าจะไม่พบหมู่ชนใดที่พวกเขาศรัทธาต่ออัลลอฮฺ และวันปรโลก รักใคร่ชอบพอและภักดีผู้ที่ต่อต้านอัลลอฮฺ และเราะซูลของพระองค์ ถึงแม้ว่าบรรดาศัตรูของอัลลอฮฺและเราะซูลของพระองค์นั้นจะเป็นพ่อของพวกเขา หรือลูกหลานของพวกเขา หรือพี่น้องของพวกเขา หรือเครือญาติของพวกเขาก็ตาม เพราะความศรัทธาจะห้ามการภัคดีต่อบรรดาศัตรูของอัลลอฮฺและเราะซูลของพระองค์ เพราะสายสัมพันธ์ของการศรัทธาสูงกว่าสายสัมพันธ์อื่นๆ มันคือจุดเริ่มต้น เมื่อเกิดการปฏิเสธ ชนเหล่านั้นที่ไม่ภัคดีผู้ที่ต่อต้านอัลลอฮฺ และเราะซูลของพระองค์ ถึงแม้ว่าเป็นเครือญาติกัน พวกเขาคือผู้ที่อัลลอฮฺได้ทรงยึดมั่นการศรัทธาไว้ในจิตใจของพวกเขาโดยไม่เปลี่ยนแปลง และได้ทรงเสริมพวกเขาให้มีพลังมากขึ้นด้วยหลักฐานจากพระองค์และแสงรัศมี และจะทรงให้พวกเขาได้เข้าสวนสวรรค์หลากหลาย มีแม่น้ำหลายสายไหลผ่าน ณ เบื้องล่างของประสาทและต้นไม้ โดยเป็นผู้พำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล ความสุขของพวกเขาจะไม่ขาดสายและลดลงไปจากพวกเขา อัลลอฮฺทรงปิติต่อพวกเขา ไม่ทรงกริ้วหลังจากเขาอีกเลยและพวกเขาก็ยินดีปรีดาในพระองค์ต่อความสุขที่อัลลอฮฺทรงมอบให้กับพวกเขาที่ไม่มีวันสูญ และพวกเขามองเห็นพระองค์(มหาบริสุทธิ์แด่พระองค์) ชนเหล่านั้นที่มีคุณลักษณะที่กล่าวมานั้นคือกองทัพของอัลลอฮฺ ที่ปฏิบัติตามคำบัญชาของพระองค์ และล้มเลิกสิ่งที่พระองค์ทรงห้าม พึงรู้เถิดว่ากองทัพของอัลลอฮฺนั้น พวกเขาเป็นผู้ประสบความสำเร็จในสิ่งที่พวกเขาได้รับซึ่งสิ่งที่พวกเขาต้องการ และในสิ่งที่พวกเขาขาดซึ่งความกลัวของพวกเขาในดุนยาและอาคิเราะฮฺ