29 - Al-Ankaboot ()

|

(1) [29.1] อะลิฟ ลาม มีม

(2) [29.2] มนุษย์คิดหรือว่า พวกเขาจะถูกทอดทิ้งเพียงแต่พวกเขากล่าวว่าเราศรัทธา และพวกเขาจะไม่ถูกทดสอบ กระนั้นหรือ ?

(3) [29.3] และโดยแน่นอน เราได้ทดสอบบรรดาก่อนหน้าพวกเขาแล้ว ดังนั้นอัลลอฮฺจะทรงจำแนกให้รู้แจ้งถึงบรรดาผู้สัตย์จริง และจะทรงจำแนกให้รู้แจ้งถึงบรรดาผู้กล่าวเท็จ

(4) [29.4] หรือบรรดาผู้กระทำความชั่วทั้งหลายคิดว่าพวกเขาจะรอดพ้นไปจากเรา ชั่วช้าแท้ ๆ สิ่งที่พวกเขาตัดสินกัน

(5) [29.5] ผู้ใดหวังที่จะพบ อัลลอฮฺ ดังนั้นแท้จริงกำหนดของอัลลอฮฺย่อมมาถึงแน่นอน และพระองค์เป็นทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้

(6) [29.6] และผู้ใดต่อสู้ดิ้นรน แท้จริงเขาย่อมต่อสู้ดิ้นรนเพื่อตัวของเขาเอง แท้จริงอัลลอฮฺนั้น แน่นอน ทรงมั่งมีเหนือประชาชาติทั้งหลาย

(7) [29.7] และบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำความดีทั้งหลายนั้น แน่นอนเราจะลบล้างความชั่วทั้งหลายของพวกเขาไปจากพวกเขา และแน่นอนเราจะตอบแทนพวกเขาสิ่งที่ดียิ่ง ซึ่งพวกเขาได้กระทำไว้

(8) [29.8] และเราได้สั่งเสียงมนุษย์ให้ทำดีต่อบิดามารดาของเขา และถ้าทั้งสองบังคับเจ้าเพื่อให้ตั้งภาคีในสิ่งที่เจ้าไม่มีความรู้ เจ้าก็อย่าปฏิบัติตามเขาทั้งสอง ยังข้าคือการกลับของพวกเจ้า ดังนั้นข้าจะแจ้งแก่พวกเข้าในสิ่งที่พวกเจ้าได้กระทำไว้

(9) [29.9] และบรรดาผู้ศรัทธา และกระทำความดีนั้น แน่นอนเราจะให้พวกเขาเข้าอยู่ในหมู่คนดีทั้งหลาย

(10) [29.10] และในหมู่มนุษย์นั้นมีผู้กล่าวว่า เราศรัทธาต่ออัลลอฮฺ ครั้นเมื่อเขาถูกทำร้ายในทางของอัลลอฮฺ เขาก็ถือเอาการทดสอบของมนุษย์ประหนึ่งการลงโทษของอัลลอฮฺ และเมื่อการช่วยเหลือจากพระเจ้าของเจ้ามาถึง แน่นอนพวกเขาจะกล่าวว่า แท้จริงเราจะร่วมกับพวกท่าน และมิใช่อัลลอฮฺเป็นผู้ทรงรู้ดียิ่งในสิ่งที่มีอยู่ในหัวอกของประชาชาติทั้งหลายดอกหรือ ?

(11) [29.11] และแน่นอน อัลลอฮฺทรงรู้ดียิ่งถึงบรรดาผู้ศรัทธา และแน่นอนพระองค์ทรงรู้ดียิ่งถึงพวกมุนาฟิกีน

(12) [29.12] และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาได้กล่าวแก่บรรดาผู้ศรัทธาว่า จงปฏิบัติตามแนวทางของเราและเราจะแบกรับความผิดของพวกท่าน และพวกเขามิได้แบกรับความผิดของเขาเหล่านั้นแต่อย่างใด แท้จริงพวกเขาเป็นผู้กล่าวเท็จอย่างแน่นอน

(13) [29.13] และแน่นอน พวกเขาจะแบกรับความผิดของพวกเขาและความผิดอื่น ๆ ร่วมกับความผิดของพวกเขา และแน่นอนพวกเขาจะถูกสอบสวนในวันกิยามะฮฺในสิ่งที่พวกเขาได้กุขึ้น

(14) [29.14] และโดยแน่นอนเราได้ส่งนูหฺไปยังหมู่ชนของเขา และเขาได้อยู่ร่วมกับพวกเขาหนึ่งพันปีเว้นห้าสิบปี (950 ปี) ดังนั้นอุทกภัยได้คร่าพวกเขาขณะที่พวกเขาเป็นผู้อธรรม

(15) [29.15] ดังนั้นเราได้ช่วยเขาและพวกพ้องในเรือให้รอดพ้น และเราได้ทำให้มันเป็นสัญญาณหนึ่งแก่ประชาชาติ

(16) [29.16] และ (จงรำลึกถึง) อิบรอฮีม เมื่อเขากล่าวแก่หมู่ชนของเขาว่า จงเคารพภักดีต่ออัลลอฮฺและจงยำเกรงต่อพระองค์ นั่นแหละเป็นการดีกว่าสำหรับพวกท่าน หากพวกท่านรู้

(17) [29.17] แท้จริงพวกท่านบูชารูปปั้น อื่นจากอัลลอฮฺและพวกท่านกุการมุสาขึ้น แท้จริงบรรดาที่พวกท่านบูชาอื่นจากอัลลอฮฺนั้น มันไม่มีอำนาจที่จะให้เครื่องยังชีพแก่พวกท่าน ดังนั้นจงขอเครื่องยังชีพจากอัลลอฮฺเถิด และจงเคารพภักดีพระองค์ และจงขอบคุณต่อพระองค์ ยังพระองค์เท่านั้นพวกท่านจะถูกนำกลับไป

(18) [29.18] และหากพวกท่านปฏิเสธ แน่นอนประชาชาติทั้งหลายก่อนพวกท่านก็ได้ปฏิเสธมาแล้ว หน้าที่ของร่อซู้ลนั้นมิใช่อะไรอื่น นอกจากการเผยแพร่อันชัดแจ้ง

(19) [29.19] และพวกเขามิเห็นดอกหรือว่า อัลลอฮฺทรงเริ่มการบังเกิดอย่างไร แล้วทรงให้เขากลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกแท้จริงนั่นเป็นการง่ายแก่อัลลอฮฺ

(20) [29.20] จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) จงท่องเที่ยวไปตามแผ่นดินแล้วพิจารณาดูว่าพระองค์ทรงให้บังเกิดอย่างไรแล้วอัลลอฮฺทรงให้ฟื้นคืนชีพในปรโลก แท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่ง

(21) [29.21] พระองค์ทรงลงโทษผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และทรงเมตตาผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และยังพระองค์เท่านั้นพวกท่านจะถูกนำกลับไป

(22) [29.22] และพวกท่านไม่สามารถจะรอดพ้นไปได้ทั้งในแผ่นดินและในฟากฟ้า และอื่นจากอัลลอฮฺ สำหรับพวกท่านไม่มีผู้คุ้มครอง และไม่มีผู้ช่วยเหลือ

(23) [29.23] และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาโองการทั้งหลายของอัลลอฮฺ และการพบพระองค์ ชนเหล่านั้น พวกเขาท้อแท้ต่อความเมตตาของข้าและชนเหล่านั้น สำหรับพวกเขาคือการลงโทษอันเจ็บปวด

(24) [29.24] ดังนั้น คำตอบของหมู่ชนของเขามิใช่อื่นใดนอกจากกล่าวว่า จงฆ่าเขาหรือจงเผาเขาเสียแต่อัลลอฮฺได้ทรงช่วยเขาให้พ้นจากไฟ แท้จริงในการนี้ย่อมเป็นสัญญาณมากหลายสำหรับหมู่ชนผู้ศรัทธา

(25) [29.25] และเขา (อิบรอฮีม) กล่าวว่า แท้จริงพวกท่านได้ยึดเอารูปปั้นต่าง ๆ อื่นจากอัลลอฮฺเพื่อให้เป็นที่รักใคร่ระหว่างพวกท่านในชีวิตแห่งโลกนี้ แล้วในวันกิยามะฮฺบางคนในหมู่พวกท่านก็จะปฏิเสธอีกบางคน และบางคนในหมู่พวกท่านก็จะแช่งด่าอีกบางคน และที่พำนักของพวกท่านคือไฟ และสำหรับพวกท่านจะไม่มีผู้ช่วยเหลือ

(26) [29.26] ดังนั้นลูฏได้ศรัทธาต่อเขา และเขา (อิบรอฮิม) กล่าวว่า แท้จริงฉันอพยพไปหาพระเจ้าของฉันแท้จริงพระองค์คือผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ

(27) [29.27] และเราได้ให้อิสหาก และยะกูบแก่เขา และเราได้ให้การเป็นนะบี และคัมภีร์แก่ลูกหลานของเขาและเราได้แก่เขาซึ่งรางวัลของเขาในโลกนี้ และแท้จริงเขาในปรโลกจะอยู่ในหมู่คนดี

(28) [29.28] และ (จงรำลึกถึง) ลูฏ เมื่อเขากล่าวแก่หมู่ชนของเขาว่า แท้จริงพวกท่านได้กระทำการลามกซึ่งไม่มีผู้ใดในหมู่มวลชนกระทำมาก่อนพวกท่านเลย

(29) [29.29] แท้จริงพวกท่านสมสู่พวกผู้ชาย และปล้นบนทางหลวงกระนั้นหรือ และกระทำอนาจารในที่ชุมชนของพวกท่าน แต่คำตอบของหมู่ชนของเขามิใช่อื่นใดนอกจากกล่าวว่า จงนำการลงโทษของอัลลอฮฺมาให้แก่พวกเราซิหากท่านอยู่ในหมู่ผู้สัตย์จริง

(30) [29.30] เขา (ลูฏ) กล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอพระองค์ทรงโปรดช่วยข้าพระองค์ให้อยู่เหนือหมู่ชนผู้บ่อนทำลายด้วยเถิด

(31) [29.31] และครั้นเมื่อฑูตของเรา (มลาอิกะฮฺ) ได้มาหาอิบรอฮีมพร้อมด้วยข่าวดี พวกเขากล่าวว่า แท้จริงเราเป็นผู้ทำลายชาวเมืองนี้ เพราะว่าชาวเมืองของมันเป็นผู้อธรรม

(32) [29.32] เขา (อิบรอฮีม) กล่าวว่า แท้จริงในเมืองนั้นมีลูฏอยู่ด้วย พวกเขากล่าวว่า เรารู้ดีว่ามีใครอยู่ในนั้น แน่นอนเราจะช่วยเขาและบริวารของเขาให้รอดพ้น เว้นแต่ภริยาของเขาเพราะนางอยู่ในหมู่ผู้ถูกทำลาย

(33) [29.33] และเมื่อฑูตของเรา (มลาอิกะฮฺ) ได้มาหาลูฏเขาเป็นทุกข์เพราะพวกเขา และกลัวที่จะให้ความคุ้มครองไม่ได้ดังนั้น (มลาอิกะฮฺ) จึงกล่าวว่า อย่ากลัวและเศร้าโศกเสียใจ แท้จริงเราเป็นผู้ช่วยเหลือท่านและบริวารของท่านเว้นแต่ภริยาของท่าน เพราะนางอยู่ในหมู่ผู้ถูกทำลาย

(34) [29.34] แท้จริงเราเป็นผู้นำการลงโทษจากฟากฟ้าสู่ชาวเมืองนี้ เนื่องจากพวกเขาฝ่าฝืน

(35) [29.35] และโดยแน่นอน เราได้ทิ้งสัญญาณอันชัดแจ้งของเมืองนี้ไว้สำหรับหมู่ชนผู้มีปัญญาพิจารณา

(36) [29.36] และยัง (หมู่ชน) มัดยัน (เราได้ส่ง) พี่น้องของพวกเขาคือ (ชุอัยบฺ) เขากล่าวขึ้นว่า โอ้หมู่ชนของฉันเอ๋ย จงเคารพสักการะอัลลอฮฺเถิด และจงกลัวต่อวันสุดท้ายและอย่ามุ่งทำความเสียหายในแผ่นดินโดยเป็นผู้บ่อนทำลาย

(37) [29.37] แต่พวกเขาได้ปฏิเสธเขา ดังนั้นแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงได้คร่าพวกเขา แล้วพวกเขาได้ประสบความหายนะนอนพังพาบตายในบ้านของพวกเขา

(38) [29.38] และอ๊าดและซะมูด และได้เป็นที่ประจักษ์แก่พวกเจ้าแล้ว จากที่พำนักของพวกเขาและมารชัยตอนได้ทำให้การงานของพวกเขา เป็นที่เพริศแพร้วแก่พวกเขา แล้วมันได้หันเหพวกเขาออกจากแนวทางโดยที่พวกเขาเป็นผู้มีสติปัญญาพิจารณา

(39) [29.39] และ (เราได้ทำลาย) กอรูน และฟิรเอานฺและฮามาน และโดยแน่นอนมูซาได้มายังพวกเขาพร้อมด้วยหลักฐานอันชัดแจ้ง แต่พวกเขาหยิ่งผยองในแผ่นดิน และพวกเขาก็หาได้รอดพ้นไปจากเราไม่

(40) [29.40] และแต่ละคนเราได้ลงโทษด้วยความผิดของเขา เช่นบางคนในหมู่พวกเขาเราได้ส่งลมพายุร้ายทำลายเขา และบางคนในหมู่พวกเขา เราได้ลงโทษเขาด้วยเสียงกัมปนาท และบางคนในหมู่พวกเขา เราได้ให้แผ่นดินสูบเขา และบางคนในหมู่พวกเขา เราได้ให้เขาจมน้ำตาย และอัลลอฮฺมิได้ทรงอธรรมแก่พวกเขา แต่พวกเขาต่างหากที่อธรรมต่อพวกเขาเอง

(41) [29.41] อุปมาบรรดาผู้ที่ยึดเอาอื่นจากอัลลอฮฺเป็นผู้คุ้มครองดั่งแมงมุมที่ชักใยทำรังและแท้จริงรังที่บอบบางที่สุดคือรังของแมงมุม หากพวกเขารู้

(42) [29.42] แท้จริงอัลลอฮฺทรงรอบรู้สิ่งใด ๆ ที่พวกเขาวิงวอนขออื่นจากพระองค์ และพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ

(43) [29.43] และเหล่านี้คืออุปมาทั้งหลายที่เราได้เปรียบเทียบมัน สำหรับปวงมนุษย์ แต่ไม่มีผู้ใดตระหนักมันหรอก นอกจากผู้มีความรู้

(44) [29.44] อัลลอฮฺทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินด้วยความจริงที่แน่นอน แท้จริงในการนี้แน่นอนย่อมเป็นสัญญาณแก่บรรดาผู้ศรัทธา

(45) [29.45] เจ้าจงอ่านสิ่งที่ถูกวะฮียฺแก่เจ้าจากคัมภีร์และจงดำรงการละหมาด (เพราะ) แท้จริงการละหมาดนั้นจะยับยั้งการทำลามกและความชั่วและการรำลึกถึงอัลลอฮฺนั้นยิ่งใหญ่มาก และอัลลอฮฺทรงรอบรู้สิ่งที่พวกเจ้ากระทำ

(46) [29.46] และพวกเจ้าอย่าโต้เถียงกับพวกอะฮฺลุลกิตาบเว้นแต่ด้วยวิธีที่ดีกว่า นอกจากบรรดาผุ้อธรรมในหมู่พวกเขา และพวกเจ้าจงกล่าวว่า เราศรัธาในสิ่งที่ถูกประทานแก่เรา และสิ่งที่ได้ถูกประทานแก่พวกเจ้า และพระเจ้าของเราและพระเจ้าของพวกเจ้าเป็นเอกะ และเราเป็นผู้นอบน้อมต่อพระองค์

(47) [29.47] และเช่นนั้นแหละ เราได้ประทานคัมภีร์แก่เจ้า ดังนั้นบรรดาผู้ที่เราได้ประทานคัมภีร์แก่พวกเขา พวกเขาก็ศรัทธาต่อมัน (อัลกุรอาน) และในหมู่เขาเหล่านั้นมีผู้ศรัทธาต่อมัน และไม่มีผู้ใดปฏิเสธโองการทั้งหลายของเรา นอกจากผู้ปฏิเสธศรัทธา

(48) [29.48] และก่อนหน้านั้นเจ้ามิได้อ่านคัมภีร์ใด ๆ และเจ้ามิได้เขียนมันด้วยมือขวาของเจ้า มิฉะนั้นแล้วพวกกล่าวความเท็จจะสงสัยอย่างแน่นอน

(49) [29.49] มิใช่เช่นนั้นดอก มันคือโองการทั้งหลายอันแจ้งชัดอยู่ในหัวอกของบรรดาผู้ได้รับความรู้และไม่มีผู้ใดปฏิเสธโองการทั้งหลายของเรานอกจากพวกอธรรม

(50) [29.50] และพวกเขากล่าวว่า ทำไมสัญญาณ ต่าง ๆ จากพระเจ้าของเขาจึงมิถูกประทานมายังเขา จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) แท้จริงสัญญาณเหล่านั้นอยู่ที่อัลลอฮฺ และฉันเป็นผู้ตักเตือนอันกระจ่างแจ้งเท่านั้น

(51) [29.51] มิเพียงพอแก่พวกเขาดอกหรือที่เราได้ประทานคัมภีร์ให้แก่เจ้าซึ่งได้ถูกอ่านให้แก่พวกเขาฟัง แท้จริงในการนั้นแน่นอนย่อมเป็นความแมตตาและเป็นการตักเตือนแก่หมู่ชนผู้ศรัทธา

(52) [29.52] จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) พอเพียงแล้วที่อัลลอฮฺทรงเป็นพยานระหว่างฉันและพวกท่าน พระองค์ทรงรอบรู้สิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และบรรดาผู้เชื่อในความเท็จและปฏิเสธศรัทธาต่ออัลลอฮฺ ชนเหล่านั้นแหละพวกเขาเป็นผู้ขาดทุน

(53) [29.53] และพวกเขาเร่งเร้าเจ้า ในเรื่องการลงโทษและหากมิใช่เวลาที่ถูกกำหนดไว้แล้ว การลงโทษก็จะเกิดขึ้นแก่พวกเขาอย่างแน่นอน และมันจะเกิดขึ้น แก่พวกเขาโดยฉับพลันอย่างแน่นอนโดยที่พวกเขาไม่รู้สึกตัว

(54) [29.54] พวกเขาเร่งเร้าเจ้าในเรื่องการลงโทษและแท้จริงนรกญะฮันนัมนั้นเป็นที่สะกัดล้อมพวกปฏิเสธศรัทธาไว้อย่างแน่นอน

(55) [29.55] วันซึ่งการลงโทษจะครอบคลุมพวกเขาจากข้างบนพวกเขาและจากใต้เท้าของพวกเขา และพระองค์จะตรัสว่า พวกเจ้าจงลิ้มรสสิ่งที่พวกเจ้าได้ก่อกรรมกระทำไว้

(56) [29.56] โอ้ปวงบ่วงของข้า บรรดาผู้ที่ศรัทธาเอ๋ย แท้จริงแผ่นดินของข้านั้นกว้างใหญ่ไพศาล ดังนั้นเฉพาะข้าเท่านั้นพวกเจ้าจงเคารพภักดี

(57) [29.57] ทุก ๆ ชีวิตเป็นผู้ลิ้มรสความตายแล้วพวกเจ้าจะถูกนำกลับยังเรา

(58) [29.58] และบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำความดีทั้งหลาย แน่นอนเราจะให้พวกเขาพำนักอยู่ในห้องพิเศษแห่งสวนสวรรค์ ณ เบื้องล่างมันมีลำน้ำหลายสายไหลผ่าน พวกเขาเป็นผู้พำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล รางวัลของผู้กระทำความดีช่างประเสริฐแท้ ๆ

(59) [29.59] บรรดาผู้อดทนขันติและพวกเขามอบหมายไว้วางใจแด่พระเจ้าของพวกเขา

(60) [29.60] และสัตว์ตั้งกี่ชนิดที่มันมิสามารถแสวงหาเครื่องยังชีพของมัน อัลลอฮฺ ทรงประทานเครื่องยังชีพแก่พวกมัน และแก่พวกเจ้า และพระองค์เป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้

(61) [29.61] และถ้าเจ้าถามพวกเขา ใครเป็นผู้สร้างชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดิน และเป็นผู้ทำให้ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เป็นประโยชน์ แน่นอนพวกเขาจะกล่าวว่าอัลลอฮฺ แล้วทำไมเล่าพวกเขาจึงหันเหออกไปทางอื่น

(62) [29.62] อัลลอฮฺทรงให้เครื่องยังชีพกว้างขวางแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์จากปวงบ่าวของพระองค์และทรงให้คับแคบแก่เขาแท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงรอบรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง

(63) [29.63] และถ้าเจ้าถามพวกเขาว่า ใครเล่าทรงหลั่งน้ำลงมาจากฟากฟ้าแล้วทรงให้แผ่นดินมีชีวิตชีวาหลังจากความแห้งแล้งของมัน แน่นอนพวกเขาจะกล่าวว่า อัลลอฮฺ จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) บรรดาการสรรเสริญเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮฺ แต่ว่าส่วนมากพวกเขาไม่ใช้สติปัญญาใคร่ครวญ

(64) [29.64] และการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้มิใช่อื่นใด เว้นแต่เป็นการละเล่นและการสนุกสนานร่าเริงและแท้จริงสถานที่ในปรโลกนั้น แน่นอนมันคือชีวิตที่แท้จริงหากพวกเขาได้รู้

(65) [29.65] ดังนั้นเมื่อพวกเขาขึ้นขี่เรือ พวกเขาวิงวอนต่ออัลลอฮฺเป็นผู้บริสุทธิ์ใจในการขอพรต่อพระองค์ ครั้นเมื่อพระองค์ทรงช่วยพวกเขาให้ขึ้นบก แล้วพวกเขาก็ตั้งภาคีต่อพระองค์

(66) [29.66] เพื่อพวกเขาจะเนรคุณต่อสิ่งที่เราได้ประทานแก่พวกเขา และเพื่อพวกเขาจะได้หลงระเริงแล้วพวกเขาก็จะได้รู้

(67) [29.67] พวกเขาไม่เห็นดอกหรือว่า เราได้ทำเขตหวงห้ามให้เป็นที่ปลอดภัย ขณะที่ประชาชนรอบ ๆ พวกเขาถูกฆ่า ถูกลักพาตัวไป แล้วพวกเขายังจะศรัทธาต่อความเท็จ และพวกเขายังจะเนรคุณต่อความโปราดปรานของอัลลอฮฺอีกหรือ

(68) [29.68] และใครเล่าจะอธรรมยิ่งกว่าผู้กุความเท็จให้แก่อัลลอฮฺ หรือปฏิเสธสัจธรรมเมื่อมันได้มายังเขา ที่พำนักในนรกญะฮันนัมมิใช่สำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาดอกหรือ

(69) [29.69] และบรรดาผู้ต่อสู้ดิ้นรนในทางของเรา แน่นอนเราจะชี้แนะแนวทางที่ถูกต้องแก่พวกเขาสู่ทางของเรา และแท้จริงอัลลอฮฺทรงอยู่ร่วมกับผู้กระทำความดีทั้งหลาย